วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สาปรัก 24 NC

ใจชายฮึกเหิมด้วยกำหนัด ทำให้รพีพงศ์ลืมความเจ็บปวดจากบาดแผลไปเสียสิ้น เมื่อมิอาจห้ามรพีพงศ์ให้หยุดการกระทำนี้ได้... ไม่สิ...นาคินทร์มิได้ห้ามปราม เพราะใจนั้นอยากให้รพีพงศ์สัมผัสและจับต้องตนจะแย่ จึงปล่อยกายให้หัวใจนำพา เริ่มด้วยแอ่นอกเข้าหา ท่อนล่างก็ขยับเบียดสะโพกเข้าถูกับแก่นกายไปมาผ่านภูษาที่แทรกกั้น ก่อนจะดึงภูษาแสนรุ่มร่ามให้ออกไปแล้วจับแก่นกายตนและรพีพงศ์เอาไว้ในมือเดียว
“อ่า..อ่ะ..อ่า….” มือนิ่มขยับรูดรั้งอย่างช้าๆ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามปลายลิ้นที่คอยตวัดรัวยอดอก 
“อ่า..า…ดีเหลือเกิน” นาคินทร์ร้องบอกมือก็เร่งขยับจนมีน้ำสีใสปริ่มออกมาเปรอะเปื้อนมือ นาคินทร์จึงหยุดปลุกปั่นจนรพีพงศ์ที่ค้างคาเงยหน้าขึ้นมอง พบว่านาคินทร์กำลังลากลิ้นเลียน้ำสีใสตามนิ้วมือทั้งห้าพร้อมมองหน้ารพีพงศ์ไปด้วย
‘เป็นเพียงเชลย…คิดจะยั่วยวนข้าให้ลุ่มหลงไปถึงไหน…คืนนี้เห็นทีข้าจักต้องทำโทษ เชลยอย่างเจ้าหนักๆ เสียแล้ว’
คิดได้ดังนั้นรพีพงศ์ดันกายนาคินทร์ให้นอนราบ พิศเพ่งกายงามที่เคยสัมผัสด้วยกำลังเมื่อกาลก่อน เหตุใดเล่ากายนาคน้อยถึงช่างยั่วยวนชวนให้ลุ่มหลงในกามเช่นนี้ ยิ่งต้องแสงจันทร์แม้เพียงน้อยนิดก็ยังงดงามเสียจนรพีพงศ์แทบอดทนไม่ไหว
“ข้ายินดีที่จักเป็นเชลยของท่านไปตลอดกาล” นาคินทร์เองรู้ว่าคนบนร่างคิดเช่นไรจึงใช้นิ้วเรียวลูบไล้สันกราม ทั้งใช้คำพูดเป็นการเชิญชวนให้รพีพงศ์เร่งตีตราตน
“ถึงเจ้าไม่ยินดี หากข้านี้จักทำให้เจ้าเป็น...เชลยของข้า...อยู่ดี” รพีพงศ์จับขาเรียวให้แยกออกแล้วลูบไล้ไปตามขาอ่อนลงมาถึงบั้นท้ายนิ่ม ลูบวนอยู่อย่างนั้นพร้อมกับใช้ สายตาจ้องมองใบหน้าเหยเกแสนเย้าอารมณ์ของคนใต้ร่างไปด้วย ยิ่งตอนที่ตนแกล้งนวดเค้นให้ปลายนิ้วสัมผัสช่องทางรัก กายนาคินทร์นั้นสั่นระริกด้วยปลายเท้าจิกกับพื้นหินสร้างความสุขใจให้กับรพีพงศ์ยิ่งนัก
“ทะ..ท่านรพีพงศ์…อย่าแกล้งข้า” นาคินทร์ร้องขอแต่ไม่เป็นผล รพีพงศ์ละมือข้างหนึ่งที่ขย้ำเนื้อนวลมาใช้เพียงนิ้วลูบวนตามรอยจีบสีสด
“อึก..อ๊า….” เพียงนิ้วเดียวที่ชำแรกเข้าไป นาคินทร์กลับรู้สึกอึดอัดปนหน่วง…แต่ดีเหลือเกิน ดีเสียจนปั่นป่วนวาบหวิวอยู่ในช่องท้อง แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการร่วมรัก แต่สำหรับนาคินทร์นั้นห่างหายเรื่องแบบนี้มาได้สักพัก พอได้กลับมาถูกเร้าสัมผัสอีกครา ก็เหมือนตนได้รับประสบการณ์ที่เร้าร้อนนี้อีกครั้ง
“อ่ะ..อ่า…อ่า…” นาคินทร์ครวญครางยามรพีพงศ์ขยับนิ้วเข้าออกเนิบนาบ ไหนจะเพิ่มนิ้วหมุนวนในช่องทางให้พร้อมที่จะรองรับความใหญ่โตที่มีมากกว่านิ้วมือหลายเท่านี่อีก รพีพงศ์ไม่ต้องการใช้ความรุนแรงกับนาคินทร์ดั่งที่ตนเคยได้ทำเมื่อครั้งก่อน เทพหนุ่มจึงตั้งอกตั้งใจค่อยๆ มอบความสุขเสียจนนาคินทร์ดิ้นพล่าน
“อื้อ..ท่านรพีพงศ์…ข้า…อึก.อ่า..” เอ่ยมาเพียงเท่านี้ ผู้ถูกเรียกขานรู้ทันทีว่านาคน้อยต้องการอันใด ยิ่งผนังภายในบีบรัดนิ้วก็ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่คิด รพีพงศ์จึงดึงนิ้วออกโดยพลันทำให้สะโพกแน่นยกลอยขึ้นมาตามนิ้วไปด้วย เพราะเห็นว่าถึงกาลอันสมควรแล้วจึงจับแก่นกายร้อนจ่อที่ปากทาง หากมิได้เสือกแทรกเข้าไปภายในเนื้อนุ่ม รพีพงศ์กลับทำเพียงถูไถไปตามร่องบั้นท้ายเท่านั้น
“อื้อ..ท่านใจร้าย..อ่า.ใจร้าย…” นาคินทร์ตัดพ้อเพราะโดนแกล้ง รพีพงศ์ส่ายหน้าให้กับความกระเง่ากระงอดที่ดูแล้วรู้สึกเอ็นดูจนอยากจะแกล้งหนักๆ
“นาคินทร์กอดข้าสิแล้วข้าจะทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ” รพีพงศ์เอ่ยกระซิบข้างใบหูนิ่มเสียงแหบพร่า ช่างน่าขันนักแกล้งเขาแต่ตนนั้นทรมานเสียได้ นาคินทร์รีบทำตามไม่คิดขัดใจ รีบลุกขึ้นเอนหลังไว้กับผนังถ้ำแล้วใช้แขนทั้งสองข้างกอดร่างสูงแน่น เมื่อนาคินทร์กอดรพีพงศ์แล้ว บุตรแห่งทินกรก็ใช้แขนทั้งสองค้ำยันผนังถ้ำเป็นการกักตัวนาคินไว้ ตามด้วยแทรกแท่งร้อนเข้าไปในกายบางทีละนิดเพื่อที่นาคินทร์จะได้ไม่เจ็บมาก
“อ่า.า…นาคินทร์..เจ้าเจ็บหรือไม่เล่า”
“อ่ะ.…อ่า...ท่าน..ท่านรพีพงศ์..ข้าเจ็บเพียงเล็กน้อยท่านอย่ากังวลเลย”
…‘แม้จักเจ็บกว่านี้ข้านั้นก็เป็นสุข ในเมื่อความเจ็บนี้มันเป็นเครื่องยืนยันว่าข้านั้นเป็นของท่าน’…
พอผสานกายเข้าไปจนสุดแล้วรพีพงศ์รอให้ร่างกายของนาคินทร์นั้นปรับตัวให้คุ้นชินก่อน จึงเริ่มขยับโยก ให้แก่นกายใหญ่เสียดสีกับเนื้อภายแสนร้อนผ่าวกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวรพีพงศ์ยิ่งพลุ่งพล่าน พอๆ กับหยาดเหงื่อที่ผุดพรายอาบร่างทั้งสองไม่ต่างจากหยดน้ำ
‘จุ๊บ..จุ๊บ’ ร่างสูงโน้มสร้างรอยราคีตีตราตามเนินไหล่และเนินอกราวกับต้องการให้ใครที่มาเห็นจักได้รู้ว่านาคินทร์เป็นของตนเพียงผู้เดียว ด้านนาคินทร์เองไม่ยอมให้รพีพงศ์ทิ้งร่องรอยเพียงฝ่ายเดียว ตนนั้นได้ฝากรอยข่วนไปทั่วทั้งแผ่นอกกว้างเป็นทางยาวเช่นกัน
“อ่า...อ่ะ..อ่า…อ๊ะ..” นาคินทร์ครางกระเส่าร่างกายสั่นโยกไปตามแรงกระแทก
“อืม..ม…ข้างในเจ้าบีบรัดข้าเสียจริง” กล่าวชมคนงามที่บีบรัดแกนกายอย่างต่อเนื่องจนรพีพงศ์อยากปลดปล่อยเสียเดี๋ยวนั้น
“ระ…แรงอีกได้หรือไม่..อื้อ..” 
ไม่ว่านาคินทร์ขอร้องสิ่งใด ทุกครารพีพงศ์มักจะแกล้งให้ขัดใจ แต่เห็นทีเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องเดียวที่เทพหนุ่มละเว้น ไว้ ในเมื่อคนงามขอให้ทำรักแรงๆ มีหรือจะไม่สนองให้ รพีพงศ์กระแทกกระทั้นแก่นกายหนักหน่วงเสียลืมความเจ็บจากแผลช่วงเอวของตนเสียสนิท
“อือ...นาคินทร์”
“ท่านรพีพงศ์ตรงนั้น..อ่า..ตรงนั้น..อื้อ..ลึก..ลึกไปแล้ว” 
“อ่า…เรียกข้าว่าท่านพี่สิ..อืม...นาคินทร์เรียกข้าว่า...ท่านพี่” ไม่รู้สิ่งใดดลใจให้รพีพงศ์อยากฟังคนงามเอ่ยเรียกตนด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป
“ท่านพี่รพีพงศ์…อ่า…ท่านพี่..อ่ะ..ท่านพี่รพีพงศ์” นับว่าคุ้มที่เอ่ยขอ เสียงหวานเรียกตนว่าพี่ทำให้รพีพงศ์มีแรงฮึดโหมไฟราคะผ่านการขยับแก่นกายเข้าออกจนนาคินทร์สุขล้นกับสิ่งที่รพีพงศ์มอบให้
“พี่รพีพงศ์…ข้าจะไม่ไหวแล้ว..อื้อ..”
“อดทนอีกนิด..อ่า…ไม่นานแล้ว…อ่า”
“อ๊า!!”
สิ้นเสียงครางแสนสัปดลของนาคินทร์ หยาดน้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยเปรอะเปื้อนหน้าท้องราบของตนพร้อมกับรพีพงศ์ที่มอบไฟรักเข้าไปในกายจนนาคินทร์รู้สึกร้อนวาบมากกว่าอุ่น  
“พอหรือยัง...นาคินทร์...” รพีพงศ์เอ่ยถาม
“พอแล้ว...ข้าเหนื่อย...”  นาคินทร์ตอบไปอย่างแผ่วเบาเพราะ ศึกสวาทเมื่อครู่นั้นทำเอาเรี่ยวแรงหดหาย ทำเอาดวงตาจะปิดเสียให้ได้ 
แต่...เมื่อได้ใคร่แล้วมีหรือครั้งเดียวจะเพียงพอ ไฟแรงกำหนัดเทพหนุ่มนั้นเหมือนโคถึกที่กำลังคึกลุกโชน 
“ข้าขออีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่...” นาคินทร์มิทันจะได้ตอบอะไร รพีพงศ์ก็เริ่มปลุกเร้าให้นาคเชลยในมีอารมณ์ร่วมกับตนอีกครั้ง นำพาให้จิตดำดิ่งสู่ห่วงกามตัณหา ดั่งภาพเมื่อครู่ที่ฉายซ้ำย้อนไปมาวนเวียน จะพลัดเปลี่ยนไปบ้างก็ช่วงที่นาคินทร์ขึ้นไปอยู่ด้านบนแล้วนั่งทับกลางกายรพีพงศ์ขึ้นลงอย่างเอาแต่ใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น