วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

SF : 2 heart 2 moon คริสยอล ky

SF : 2 heart 2 moon


แต่งมาเพื่อแก้บนเนื่องจากคริสยอลมีโมเมนต์ในปีนี้ ปี2018








ดวงใจฟินิกซ์

ปัจจุบันแม้สิ่งต่างๆรอบกายจะมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าสมัยก่อน ทั้งคอยอำนวยความสะดวกสบายทำให้หลายคนมีความสุข ทว่ามันก็ไม่ได้ตอบสนองความสุขทั้งหมดที่มนุษย์ต้องการโดยเฉพาะความสุขทางกามารมย์ นั่นคือที่มาของอาชีพที่ให้ความสุขเรียกอีกชื่อว่า…ขายบริการ

งานขายบริการมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างหลังไม่ใช่ว่าจะเพิ่งมีแต่มีมานานแล้ว…ความเป็นคนไม่ว่าจะสมัยไหน ยุคไหนก็หาได้แตกต่าง รสนิยมทางเพศก็เช่นเดียวกันหากจะต่างก็คงจะต่างตรงที่สมัยนี้เปิดเผยมากกว่า

เขียนกันมาจนแทบยืดเยื้อ คุณคงจะเดาออกแล้วสิท่าว่าเรื่องราวมันต้องเกี่ยวกับอะไร ไม่ต้องพูดออกมานะ เก็บไว้ในใจ…เพราะมันเป็นเรื่องราวแสนโรแมนติกเลยล่ะ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ณ เมืองอึนพา หนึ่งในเมืองท่าของแคว้นฮาพยอล เมืองซึ่งนำความเจริญเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเมืองหน้าด่านค้าขายกับพวกต่างแคว้นหรือจะเป็นที่พักผ่อนให้กับผู้ที่ต้องการผ่านทางเข้าไปยังเมืองหลวง แน่นอนว่าผู้คนมากมายทั้งชาวเมืองหรือต่างแดนทำให้อึนพาเป็นนครที่ไม่เคยหลับใหล ถ้าถามว่าเพราะเหตุใดคำตอบมันง่ายมากถ้าคุณมาอยู่ที่นี่สักสองวัน ไม่สิ แค่หนึ่งวันก็จะได้คำตอบ

กลางวันจะเป็นการค้าขายทั่วไปไม่ว่าผ้าไหม ผ้าแพร ผ้าทอของชนเผ่า ของป่า หินสี ลูกปัด รวมทั้งของกินไม่ว่าจะเนื้อสัตว์จากแห่งหนตำบลใดล้วนมาขายบ้างประมูลสินค้า พอแสงอาทิตย์เลือนหายตลาดวายไร้ผู้คนกลับมีตรอกเพียงตรอกเดียวที่จะแขวนโคมไฟเอาไว้หน้าตัวหอไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่เรียงรายคล้ายสำนักอะไรบางอย่าง หากโคมไฟมีเพียงสองสีเท่านั้น

…สีแดงคือหอคณิกาของหญิงงาม
…สีม่วงคือหอคณิกาของบุรุษหน้างามไม่ต่างจากอิสตรี

บุรุษเจ้าสำราญพอตกค่ำก็ต่างกรูเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพ คุณชาย เศรษฐี ชาวบ้านร้านตลาดหนุ่มหรือแก่ต่างย่างกรายเข้ามายังหอคณิกาที่ถูกใจทั้งนั้น แต่หอที่ได้รับความนิยมอยู่มากโขคงจะเป็น…หอคณิกาชายยูซองโดยเฉพาะในช่วงนี้ยิ่งมีผู้คนเข้ามาเยอะไม่ต่างฝูงผีเสื้อกระพือปีกมาดอมดมบุปผาหอม

“ชานยอล…เจ้าเร่งแต่งตัวเข้าสิลูกค้ารอเจ้าอยู่มากโข”

“ขอรับนายแม่” ชานยอลตอบรับก่อนจะมองตนเองผ่านกระจก ใบหน้างามด้วยผิวขาวไข่มุกตัดด้วยคิ้วและดวงตาสีดำสนิท ริมฝีปากแดงอิ่มรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ยิ่งเกศายาวสยายถูกรวบไว้เพียงครึ่งศีรษะปักปิ่นตรงมวยผมยิ่งทำให้งดงาม เมื่อยืนขึ้นปล่อยให้ชุดคลุมผ้าแพรทิ้งตัวทำให้เห็นว่างร่างของชานยอลสูงโปร่งและบอบบางเพียงใด

“ชานยอลมาแล้ว…ชานยอล…” ทันทีที่ชานยอลออกจากหลังม่านเสียงเรียกขานนามของเขาก็ดังก้อง ชานยอลทำได้เพียงยิ้มออกมามาทีละน้อยและนั่งลงประเครื่องดนตรีประจำกาย ก่อนที่นิ้วเรียวจะดีดพิณ ริมฝีปากขยับเปล่งเสียงร้องออกมาให้เหล่าบุรุษเพศที่เต็มไปด้วยกามาได้ฟังกัน

เพลงที่ชานยอลเลือกเล่นหาใช่เพลงสนุกครึกครื้นเหมือนครั้งก่อน มันเป็นเพลงช้าบ่งบอกอารมณ์ของชานยอลได้เป็นอย่างดีว่าหลังจากเที่ยงคืนนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

เริ่มต้นเดิมทีชานยอลมาที่นี่เพราะถูกซื้อตัวตอน 9 ขวบ บิดาของเขามิสามารถเลี้ยงดูได้จึงนำตัวเขาเร่ขายเป็นทาสจนมาเจอนายแม่ยอนฮวา งานแรกที่ได้ทำคืองานคนใช้คอยดูแลพวกคณิกาชายในสมัยนั้น จนเวลาล่วงเลยไป 3 ปี ยอนฮวาได้ให้ชานยอลฝึกมารยาทต่างๆ การเอาอกเอาใจลูกค้า ฝึกเล่นเครื่องดนตรีและเริ่มออกมาแสดงต่อหน้าผู้คนเมื่ออายุ 14ปีจนถึงเวลานี้อายุของชานยอล 16 ย่างเข้า 17 ในวันรุ่งขึ้น

‘อึก…รู้สึกไม่ดีเลย’ ขณะดีดพิณอยู่นั้น ชานยอลรู้สึกหน้ามืดจนล้มลง หากก่อนจะสิ้นสติเขาได้ยินผู้คนตะโกนเรียก ถามไถ่อาการรวมถึงคำตอบของนายแม่ของเขา

“ชานยอลคงจะตื่นเต้นกับงานพรุ่งนี้ เลยไม่ค่อยได้พักผ่อน” สิ้นคำตอบของนางคนในร้านต่างหัวเราะและมองชานยอลราวจะกลืนกินให้สิ้นกระดูก

ชานยอลถูกนำตัวไปยังห่องพักส่วนตัวสำหรับนายคณิกาผู้มีชื่อเสียง ร่างโปร่งนอนเหยียดอยู่บนเตียงกว้างอย่างไร้สติ โดยหาได้ระวังตัวว่ามีฝีเท้าของใครย่างก้าวเข้ามานั่งลงบนเตียง ฝ่ามือยกขึ้นมาลูบผมของชานยอลอย่างเบามือ

“ตื่นขึ้นมาเถิด นกน้อยของข้า” เพียงกระซิบเท่านั้น เปลือกตาของชานยอลก็เปิดออก

“ทะ…ท่านอี้ฟาน” ชานยอลเร่งลุกขึ้นนั่งแล้วเข้าสวมกอดชายหนุ่มอีกคนโดยไว

“กอดรัดข้าเสียแน่น กลัวข้าหายไปจากเจ้าหรือไร เจ้านกน้อย” อี้ฟานเอ่ยถามหากเขาก็ทำมิต่างจากอีกฝ่าย แขนแกร่งเข้ากอดรัดทั้งขยับกายเข้าหาจนแนบแน่น

“ข้ากลัว..กลัวเหลือเกินท่านอี้ฟาน วันพรุ่งข้าจักต้องทำหน้าที่เป็นคณิกาเต็มตัว ข้ากลัว..ฮึก..กลัว”ชานยอลเอ่ย ตามกฏของหอคณิกานี้เมื่ออายุครบ 17 ปีบริบูรณ์คณิกาชายผู้นั้นจะถูกออกนำมาประมูลเปิดความบริสุทธิ์ นั่นเป็นสิ่งที่ชานยอลไม่อยากให้มาถึงแต่เวลามันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้ ดวงตากลมโตมองผ่านขนตายาวชุ่มน้ำตา น่าสงสารเหลือเกิน…อี้ฟานคิดในใจก่อนจะโน้มไปหน้าจรดริมฝีปาดลงหน้าผากเนียน

“เจ้าคิดจะทำเช่นไร…บอกข้ามา”

“ท่านพาข้าหนีออกไปได้หรือไม่ ข้าอยากไปจากที่นี่ ข้าอยากอยู่กับท่าน” ชานยอลตอบไปตามใจคิด เขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่ ไม่ต้องการให้ตัวเองต้องโดนบุรุษนับร้อย มากหน้าหลายตาคอยชำแรกร่างกายกอบโกยความสุขบนความทุกข์ของตน อีกทั้ง…ชานยอลหลงรัก อี้ฟาน ชายลึกลับที่มาหาเขาทุกคืนวันเพ็ญ

“อยากอยู่กับข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าอาจจะลำบากก็เป็นได้ อีกอย่างเจ้ารู้จักข้าดีแล้วหรือถึงได้ไว้ใจข้า” อี้ฟานถามย้ำน้ำเสียงจริงจังเพราะอยากให้คนในอ้อมกอดคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

“ข้าขอยืนยัน ข้าต้องการไปกับท่านไม่ว่าท่านจะให้ข้าเป็นทาสรับใช้ข้าก็ยอม ข้ายินดีที่จะอยู่กับท่าน ได้โปรดเถิดหนา ท่านอี้ฟานพาข้าออกไปจากที่นี่เถิด” ไม่พูดเปล่าชานยอลลุกออกจากเตียงลงมานั่งคุกเข่าลงบนพื้น หากอี้ฟานไม่ยอมให้ร่างโปร่งทำเช่นนั้นจึงรีบประคองกายชานยอลให้นั่งบนตักของตนแทน

“เจ้ามิสบายมิใช่หรือ อย่าได้นั่งคุกเข่าให้ทรมานกายเลย…เอาเป็นว่าข้าสัญญาวันพรุ่งข้าจะมารับตัวเจ้าไปอยู่กับข้า แต่…ข้าขอรางวัลมัดจำเจ้าได้หรือไม่ว่าวันพรุ่งเจ้าจะไม่เปลี่ยนใจ” อี้ฟานเอ่ยก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ เจ้านกน้อยมีหรือจะตามทันในแผนการจึงพยักหน้างึกงักไม่รั้งรอ

นิ้วชี้และนิ้วกลางยาวเชยปลายคางของชานยอล ดวงตาคมจ้องมองจนหัวใจของชานยอลสั่นสะท้าน ทั้งยังผุดคำถามว่าอี้ฟานต้องการกำลังทำอันใดหรืออยากจะเล่นเกมจ้องตาเท่านั้น ทว่าไม่นานชานยอลก็ได้รับคำตอบจาก ‘ปาก’ ของอี้ฟาน

ริมฝีปากหนาเข้าประกบริมฝีปากนิ่มก่อนจะถ่ายทอดความอบอุ่นแสนวาบหวิวเข้าไปในโพลงปากโดยมีลิ้นคอยสอดแทรกเข้าไป ชานยอลชะงักจนตัวแข็งทื่อเมื่อจูบแรกถูกอี้ฟานฉกฉวย หากเด็กหนุ่มยินดีจึงใช้ปลายลิ้นตวัดต้อนรับเลียนแบบอี้ฟานที่ทำกับตน รสจูบที่ชานยอลพยายามมอบให้แม้จะบ่งบอกว่าอีกฝ่าบอ่อนประสบการณ์แต่นั่นนับเป็นเรื่องดี…อี้ฟานต้องการมอบครั้งแรกให้กับชานยอล

“อืม…” เสียงครางดังในลำคอด้วยความพอใจ อี้ฟานรีบผละริมฝีปากออกเพื่อปล่อยให้เจ้าของแก้มขาวที่เห่อแดงเพราะ…เหตุผลที่ทุกคนรู้กันได้สูดลมหายใจ

“ท่านอี้ฟาน…เหตุใด…ทะ…”

“ชู่…ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด ราตรีนี้เจ้านอนเสียเถิดเก็บแรงของเจ้าเอาไว้เผื่อวันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้เจ้าต้องใช้แรงอีกมาก” ดัชนีจรดริมฝีปากเป็นสัญญาณให้หยุดพูด ก่อนจะเอ่ยให้อีกคนทำตามตน ชานยอลพยักหน้าแล้วลุกจากตักกว้างไปนอนบนเตียงของตน

…‘นกน้อยของข้า…ไม่ว่าเพลาใดเจ้ายังคงเป็นเด็กดีสำหรับข้าอยู่เสมอ’…

*****

ผืนหนังหน้ากลองถูกตีให้เกิดเสียงเป็นจังหวะให้กับเครื่องดนตรีชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็นปี่ ขลุ่ย หรือแม้แต่พิณเอง หากในวันนี้ผู้เล่นพิณมิใช่ชานยอลอีกต่อไป

“แม่หญิงยอนฮวา เมื่อใดชานยอลจะออกมาเสียที” ชายขี้เมาผู้หนึ่งเอ่ย ตาจับจ้องไปด้านหน้ารอคอยว่าหนุ่มงามล่มเมืองจะแสดงตัวเมื่อใด

“รออีกสักครู่เถิด ประเดี๋ยวท่านจักได้เห็นชานยอลสมใจท่าน ถึงเพลานั้นท่านจงเตรียมเหรียญประมูลชานยอลให้จงได้”

ขณะที่ภายในร้านครึกครื้นเพราะผู้คนมากมายต่างเข้ามาในงานประมูลตามที่หอคณิกายูซองได้ปิดประกาศไว้เมื่อก่อนหน้านี้หลายคนมาเพื่อร่วมประมูลและหลายคนมาเพียงดูเท่านั้น

“พี่ชานยอล…วันนี้พี่งามที่สุดเลย งามยิ่งกว่าวันไหนๆ” หนุ่มน้อยคยองซูผู้เปรียบดั่งน้องในไส้กล่าวชมพี่ชายคนสนิท จักไม่ให้คยองซูกล่าวชมได้อย่างไร คนตรงหน้าสวมชุดคลุมสีงาช้างปักลายขนนกสีเงิน ผมนั้นถูกรวบไว้ครึ่งหัวเช่นเดิมหากมวยผมมีปิ่นประดับไข่มุกเม็ดงามเรียงราย

“พี่ชานยอลจ๊ะ คยองซูขอโทษนะจ๊ะ” คยองซูเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าแพรสีขาวคลุมใบหน้าของชานยอลไว้ ซึ่งเป็นประเพณีของหอยองซูที่ผู้ถูกประมูลจะถูกปิดบังใบหน้าไว้จนกว่าจะถูกนำตัวส่งให้ผู้ประมูลเอง

“คยองซู…พี่ขอกอดเจ้าหน่อย” ชานยอลเอ่ยออกมาน้ำเสียงสั่นเครือจนผู้ฟังรับรู้ได้ คยองซูไม่รอช้าจึงเข้าสวมกอดโดยไว

“ทำใจให้สบายเถิดหนา ข้าเคยถามพี่ซูโฮมา พี่ซูโฮบอกว่ามันไม่เจ็บมากดอก” คยองซูพูดปลอบ ใครว่าชานยอลกังวลเรื่องนี้กันเล่า สิ่งที่เขาเศร้าใจนั้นคืออี้ฟานผิดสัญญาไม่ยอมพาตนหนี…ชานยอลรอคอยมาทั้งวันจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่ผู้คนจะแย่งชิงกันเพื่อได้สัมผัสความบริสุทธิ์จากชานยอล

“ชานยอล นายแม่บอกให้ลงไปได้แล้ว” ซูโฮเปิดประตูออกแล้วบอกคำสั่งให้ผู้ที่รออยู่ในห้อง

“ไปกันเถอะพี่ชานยอล ข้าจะพาพี่ไปเอง” คยองซูประคองร่างที่สูงกว่าตนก่อนที่ซูโฮนั้นจะตามเข้ามาช่วยนำทางชานยอลลงไปด้านล่าง

“มาแล้วๆๆ ชานยอลมาแล้ว…เฮ้!!!!” ผู้หมายปองร้องดังขึ้นมาเมื่อชานยอลก้าวบันไดลงมา เสียงโหวกเหวกร้องเรียกขานพาลให้ชานยอลหมาดกลัว

ชานยอลถูกนำตัวมานั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าซึ่งตั้งอยู่บนพื้นยกสูงเพื่อให้ชายชาตรีทั้งหลายได้ยลโฉม แม้จะไม่ได้เห็นหน้า หากชานยอลสามารถปลุกความอักขระในกายของคนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

“เอาล่ะค่ะ…ทุกคนเงียบก่อนนะคะ ประเดี๋ยวฉันจะประกาศเงินค่าตัวขั้นต้นของชานยอลให้ทุกคนได้ฟังกัน” นางยอนฮวากล่าว ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบเพื่อฟังนายหญิงแห่งยูซองพูดต่อไป

“ค่าตัวของชานยอลเริ่มต้นที่…60 ยาง” สิ้นประโยคทุกคนต่างตกใจก่อนจะซุบซิบกันเพราะไม่คิดว่าค่าตัวของชานยอลแพงขนาดนี้ อย่าว่าแต่คนประมูลเลยชานยแลก็เช่นกัน ทว่าชานยอลก็รู้สึกดีที่ค่าตัวของตนสูงเพราะเท่ากับว่าจะไม่มีคนทุ่มเงินซื้อตัวเขา

“70 ยาง” ชานยอลดีใจได้ไม่นานเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นดับฝันของร่างโปร่งเสียนี่

“คุณชายคิมประมูล 70 ยางนะคะ” ยอลฮวายิ้มกว้าง หล่อนคิดไม่มีผิดว่าชานยอลเป็นตัวทำเงินสำหรับเธอชัดๆ

“75 ยาง!!”

“80 ยาง!!!”

“100ยาง!!!!” ราคาค่าตัวของชานยอลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจำนวนเงินที่ไม่มีใครเคยจ่ายเท่านี้มาก่อน

“คุณชาย…เอ่อ คุณชายมาใหม่สินะคะข้ามิเคยเห็น มีใครจะเสนอราคามากกว่านี้อีกหรือไม่ ข้าจะนับ1-3เท่านั้น 100ยางครั้งที่ 1 100ยางครั้งที่2 100 ยางครั้งที่ …”

“500 ยาง!!!!” น้ำเสียงแสนคุ้นหูดังแว่วขึ้นมา หากชานยอลที่ตกอยู่ในความคิดของตนจึงมิอาจจะได้ยินว่ามีใครคนหนึ่งได้มาเยือน

“500 ยางหรือ ท่านอย่ามาล้อข้าเล่นเลย” เงินจำนวนมากแม้แต่มหาเศรษฐียังไม่คิดจะจ่าย ชายหนุ่มรูปงามนี้เป็นใครจึงได้คิดมาโป้ปดหรือว่าต้องการขัดขวางการประมูล…

“ข้ามิได้ล้อเล่น นอกจากข้าจะให้เงินเจ้า 500 ยางแล้ว ข้านั้นขอมอบทองคำแท่งให้กับเจ้าเพิ่มอีกด้วย” ชายนิรนามโยนถุงเงินรวมถึงกล่องไม้ที่ภายในบรรจุทองคำแท่งให้กับยอลฮวา

“มีใครในที่นี้จะสู้ราคาคุณชายท่านนี้อีกหรือไม่” ยอลฮวาเอ่ยถามแขกเหรื่อท่านอื่น ต่างก็เงียบกริบไม่มีใครหาญสู้ราคา

“ความบริสุทธิ์ชานยอลของเป็นของท่านแล้ว เชิญท่านนำตัวชานยอลไปได้..ใส่วนแขกท่านอื่นเรายังมีคณิกาอีกมายเชิญเลือกซื้อกันได้เจ้าค่ะ” ยอลฮวาบอกกับชายหนุ่มและบรรดาลูกค้า ชายหนุ่มผู้ชนะการประมูลจึงอุ้มชานยอลที่นั่งตัวแข็งทื่อขึ้นมา

‘ท่านอี้ฟาน ท่านจะปล่อยให้ข้าถูกชายอื่นย่ำยีหรือ’ ชานยอลนึกน้อยใจระคนเสียใจหากทำได้เพียงกลั้นสะอื้นแต่มิอาจกลั้นหยาดน้ำตาให้ไหลอาบแก้มได้

‘ฟึบ’ ร่างกายของชานยอลถูกวางลงบนเตียงกว้าง ชานยอลนั่งกำหมัดแน่นเพราะความอึดอัดใจ…ก่อนที่มันจะกลายเป็นน้ำตาหยดลงกำปั้นนั้น

“เสียใจมากหรือ…นกน้อยของข้า” อี้ฟานนั่งคุกเข่าลงมือนั้นยื่นขึ้นไปจับผ้าคลุมใบหน้าให้เปิดออก

“ท่านอี้ฟาน…ฮือ…คนใจร้าย..ฮือ…” ชานยอลร้องไห้มือกำหมัดทุบจตีไปที่แขนและบ่าของคนตรงหน้า

“ข้าใจร้ายกับเจ้าเช่นไร ไหนเจ้าจงบอกข้าให้แจ้งใจเถิดหนา” อี้ฟานไม่คิดโกรธอีกทั้งยังปล่อยให้ชานยอลทุบตีตนต่อไป

“ท่านทำให้ข้ากลัว….ทำให้ข้ารอ ท่านรู้หรือไม่ว่าทรมานใจข้าเป็นหนักหนา”

“ข้าอยู่นี่แล้ว…ข้าอยู่นี่ เจ้าอย่าร้องไห้เลยชานยอล ข้ารักเจ้ามากแทบล้นอก จึงมิมีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ช่วยเจ้า” อี้ฟานเข้าสวมกอดเอวบางไว้แน่นแล้วจึงเอ่ยความในใจ ด้านชานยอลพอได้ยินคำว่ารักความเศร้านั้นได้หายไปทันที

“ท่านรักข้าหรือ…” ชานยอลถามย้ำ เขาต้องการฟังคำว่ารักอีกครั้ง

“ใช่…ข้ารักเจ้าแล้วเจ้าล่ะรักข้าหรือไม่”

“รัก…ข้ารักท่าน ท่านอี้ฟาน” ชานยอลเป็นฝ่ายความบอกความในใจบ้าง ทำให้อี้ฟานยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าใจสองตรงกัน

“เช่นนี้แล้วข้าจะเป็นผู้มอบครั้งแรกให้กับเจ้าเอง…ชานยอล” อี้ฟานเอ่ย มือหนาดันกายของชานยอลให้นอนราบ หากถูกมือเรียวคว้าข้อมือไว้

“ไม่…วันนี้ท่านผิดสัญญา ท่านไม่พาข้าหนี ข้าจักไม่ให้ท่านได้ทำสิ่งใดกับกายข้า” ชานยอลเอ่ยใบหน้าบึ้งตึง ทว่าในใจนึกขำเพราะสามารถแกล้งคนรักได้

“ถ้าข้าพาเข้าหนีเจ้าจะยอมเป็นของข้าถูกหรือไม่” เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือชานยอลยังมีคนเจ้าเล่ห์ คำพูดของอี้ฟานทำให้ชานยอลรู้ว่าตนรั้นคงจะไม่รอด…
.
.
.
ดวงใจมังกร

“อืม…ชานยอล…กายของเจ้าหวานยิ่งนัก”

“ท่านอี้ฟาน..อย่าเลีย..อึก..ข้าเสียว…ไหนท่านบอกข้าว่าจะพามาชมจันทร์สองดวง….อ่า…หยุดเล่นกับอกข้าเสียที”

“นั่นอย่างไรเล่า ดวงจันทร์มันอยู่บนผิวน้ำ” อี้ฟานเอ่ย

ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องมอบแสงสว่างในป่ากว้าง มีชายหนุ่มสองคนกำลังเคล้าคลอมอบความรักให้แก่กันโดยใช้ต้นไม้ใหญ่ริมธารแทนเตียงตั่ง ไม่สิ…ฝ่ายหนึ่งตักตวง อีกฝ่ายทรมานด้วยสัมผัสชวนวาบหวาบ

ย้อนเวลากลับไป…อี้ฟานได้อุ้มชานยอลหนีออกทางหน้าต่างและกระโดดไปมาผ่านหลังคาจนถึงกลางป่า ชานยอล...ชายหนุ่มที่ตนหมายปองเมื่อครั้นยังเยาว์วัยจนกระทั่งเติบใหญ่เป็นชายหน้าหวานไม่ต่างจากหญิงสาว เขาเฝ้ารอที่ชานยอลจะอยู่ข้างกายตน

“ไม่ให้ข้าลิ้มรสเจ้าตรงนี้แล้วจะให้ข้าลิ้มรสเจ้าตรงไหน” อี้ฟานผละริมฝีปากออกจากยอดอกแล้วจึงเอ่ยถาม จากนั้นก็ใช้ลิ้นตวัดซ้ำจนยอดอกนั้นชูชันตามแรงอารมณ์

“ไม่รู้…ข้าไม่รู้..” ชานยอลกระสับกระส่ายอยากจะทรุดตัวนั่ง ทว่ากลับถูกอี้ฟานประคองสะโพกไว้ทั้งยกขาเรียวเกี่ยวเอวหนา หลังพิงชนต้นไม้

“เจ้าต้องการสิ่งใดชานยอล…นกน้อยของข้าบอกมาเสียสิ” อี้ฟานแทรกตัวเข้าแนบชิดให้กลางกายของตนสัมผัสกับกลางกายของชานยอลผ่านเสื้อที่หลุดรุ่ย อี้ฟานสนุกกับการแกล้งและสุขที่เห็นสีหน้ายามเม้มริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงคราง

‘ข้าอยากรู้ยิ่งนักเจ้าจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน’

“ท่านอี้ฟาน…ช่วยข้าได้หรือไม่ ข้าทรมาน” ชานยอลร้องขอเสียงสั่น ตานั้นฉ่ำมองปรือเสียจนทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะจุมพิตให้ร่างโปร่งอ่อนระทวย ในที่สุดชานยอลก็ต้องเรียกร้องเขา

“ได้สิ…ข้าจะให้เจ้าชมจันทร์ไปด้วยและมีความสุขไปด้วย”
อี้ฟานปล่อยขาเรียวของชานยอลให้แตะพื้นก่อนจะจับให้ร่างโปร่งหันหน้าไปทางลำธาร มือก็คว้าให้มือสวยยึดจับกิ่งไม้ มืออีกข้างเกี่ยวเอวบางให้สะโพกอยู่ในตำแหน่งกลางกายของตน อี้ฟานกระชากเสื้อผ้าของชานยอลทิ้งแล้วจึงใช้น้ำลายถมลงนิ้วลูบวนตรงช่องทาง

“อ๊ะ!!” ชานยอลสะดุ้งเฮือกยามถูกนิ้วแรกแทรกเข้ามา มันเจ็บเสียดๆหากชานยอลอดทนพยายามไม่ร้องออกมาว่าตนเจ็บ

“ชานยอล…ผ่อนลมหายใจ อย่าเกร็งนะคนดี..” อี้ฟานพอจะรู้จึงพูดปลอบก่อนจะก้มลงระดมจูบบนแผ่นหลังไล่ขึ้นจนถูกซอกคอเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ไม่ให้คนรักเจ็บ

พอปรับตัวได้ความรู้สึกดีๆก็เข้ามา อี้ฟานเพิ่มจำนวนนิ้วขยับเข้าออกจนช่องทางพอจะขยาย หากเขารู้ดีว่ามันคงขยายไม่พอสำหรับมังกรของเขา

“อดทนหน่อยนะ..นกน้อย ประเดี๋ยวเราจะมีความสุขไปด้วยกัน” อี้ฟานมิอาจอดทนต่อแรงกำหนัดได้อีก ดัชนีถูกนำออกจากช่องทางแล้วใช้มือหนากอบกุมแก่นกายจ่อตรงปากทางสีสด ก่อนจะแทรกเข้าไปทีละนิด

“เจ็บ…ข้าเจ็บ!!!” ชานยอลร้องออกมาทั้งน้ำตา มันเจ็บเหลือเกินถึงแม้อี้ฟานจะกดกายลงอย่างอ่อนโยนแต่มันมิอาจจะช่วยให้ชานยอลหายเจ็บได้

อี้ฟานแทรกลึกขึ้นจนสุดแล้วหยุดนิ่งทั้งโน้มกายเข้าจูบชานยอลไว้มิให้ผ่อนคลาย ชานยอลรับจูบและจูบตอบทั้งน้ำตาจนเริ่มหายเจ็บขึ้นมาบ้าง

“ข้าจะขยับแล้วนะ…พยายามอย่าเกร็ง อย่ากังวล ข้าอยากให้เจ้าเชื่อใจว่าข้าตะมอบความสุขสมครั้งแรกให้แก่เจ้า” อี้ฟานกล่าว ชานยอลพยักหน้า เขาจะต้องเชื่อใจอี้ฟาน

พอเห็นว่าชานยอลพร้อมแล้วอี้ฟานจึงเริ่มขยับกายทีละนิด ช้าๆ แล้วเร่งจังหวะขึ้นตามใจปรารถนา บัดนี้เสียงร้องครวญครางจากทั้งสองดังทั่วบริเวณ มิอายสรรพสัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืน

“อ่า..อ่ะ…ทะ…ท่านอี้ฟาน”

“อืม..ชานยอล…เจ้าดูพระจันทร์สิ ดูมันกำลังอวยพรให้เรา” อี้ฟานเอ่ย ชานยอลก็แหงนหน้ามองตาม ค่ำคืนนี้จันทราช่างงดงามกว่าคืนไหนๆการได้อยู่กับคนที่ตนรักมันเป็นความรู้สึกที่สุขจนบรรยายออกมาไม่ได้

“อ่า…ท่านอี้ฟาน…อ๊า..า…” ชานยอลมิอาจจะเก็บกักความสุขได้อีกจึงปลดปล่อยออกมา

“อืม…ชานยอล” อี้ฟานเองก็เช่นกันไม่รอช้าปลดปล่อยเข้าไปในกายของชานยอล

“เก่งมาก…ข้าคิดว่าเจ้าจะหลับเสียอีก” อี้ฟานจูบขมับให้รางวัล

“ท่านออกจากกายข้าได้หรือไม่…ข้าอยากอาบน้ำ” ชานยอลเขินอายยิ่งนักจึงหาเรื่องเฉไฉไม่สนใจสิ่งอี้ฟานเอ่ยเมื่อครู่

“ได้สิ…ข้าจะอาบน้ำให้เจ้าเองแต่ข้าจะไม่ออกจากกายเจ้า”

“ท่านอี้ฟาน!!!!”

….
สักนิด
Q : อี้ฟานเป็นใคร
A : รัชทายาทวังมังกร
Q : ไม่ใช่คน?
A : ใช่
Q : อี้ฟานเจอน้องชานยอลที่ไหน
A : ในตลาดของพวกมนุษย์ น้องเป็นเด็กถือของให้นายแม่ของเขา เด็กอะไรถือของไปพลางทำแขนกางปีกเล่นเป็นนกไปพลาง
Q : แล้วทำไมไม่พาน้องหนีตอนนั้น
A : กลัวน้องไม่ยอม อยากให้น้องพูดเอง
Q : แล้วจะพาน้องไปอยู่ด้วยกันไหม
A : แน่นอนจะไม่ปล่อยไปไหนจะขังไว้ในอ้อมกอด





วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สาปรัก 24 NC

ใจชายฮึกเหิมด้วยกำหนัด ทำให้รพีพงศ์ลืมความเจ็บปวดจากบาดแผลไปเสียสิ้น เมื่อมิอาจห้ามรพีพงศ์ให้หยุดการกระทำนี้ได้... ไม่สิ...นาคินทร์มิได้ห้ามปราม เพราะใจนั้นอยากให้รพีพงศ์สัมผัสและจับต้องตนจะแย่ จึงปล่อยกายให้หัวใจนำพา เริ่มด้วยแอ่นอกเข้าหา ท่อนล่างก็ขยับเบียดสะโพกเข้าถูกับแก่นกายไปมาผ่านภูษาที่แทรกกั้น ก่อนจะดึงภูษาแสนรุ่มร่ามให้ออกไปแล้วจับแก่นกายตนและรพีพงศ์เอาไว้ในมือเดียว
“อ่า..อ่ะ..อ่า….” มือนิ่มขยับรูดรั้งอย่างช้าๆ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามปลายลิ้นที่คอยตวัดรัวยอดอก 
“อ่า..า…ดีเหลือเกิน” นาคินทร์ร้องบอกมือก็เร่งขยับจนมีน้ำสีใสปริ่มออกมาเปรอะเปื้อนมือ นาคินทร์จึงหยุดปลุกปั่นจนรพีพงศ์ที่ค้างคาเงยหน้าขึ้นมอง พบว่านาคินทร์กำลังลากลิ้นเลียน้ำสีใสตามนิ้วมือทั้งห้าพร้อมมองหน้ารพีพงศ์ไปด้วย
‘เป็นเพียงเชลย…คิดจะยั่วยวนข้าให้ลุ่มหลงไปถึงไหน…คืนนี้เห็นทีข้าจักต้องทำโทษ เชลยอย่างเจ้าหนักๆ เสียแล้ว’
คิดได้ดังนั้นรพีพงศ์ดันกายนาคินทร์ให้นอนราบ พิศเพ่งกายงามที่เคยสัมผัสด้วยกำลังเมื่อกาลก่อน เหตุใดเล่ากายนาคน้อยถึงช่างยั่วยวนชวนให้ลุ่มหลงในกามเช่นนี้ ยิ่งต้องแสงจันทร์แม้เพียงน้อยนิดก็ยังงดงามเสียจนรพีพงศ์แทบอดทนไม่ไหว
“ข้ายินดีที่จักเป็นเชลยของท่านไปตลอดกาล” นาคินทร์เองรู้ว่าคนบนร่างคิดเช่นไรจึงใช้นิ้วเรียวลูบไล้สันกราม ทั้งใช้คำพูดเป็นการเชิญชวนให้รพีพงศ์เร่งตีตราตน
“ถึงเจ้าไม่ยินดี หากข้านี้จักทำให้เจ้าเป็น...เชลยของข้า...อยู่ดี” รพีพงศ์จับขาเรียวให้แยกออกแล้วลูบไล้ไปตามขาอ่อนลงมาถึงบั้นท้ายนิ่ม ลูบวนอยู่อย่างนั้นพร้อมกับใช้ สายตาจ้องมองใบหน้าเหยเกแสนเย้าอารมณ์ของคนใต้ร่างไปด้วย ยิ่งตอนที่ตนแกล้งนวดเค้นให้ปลายนิ้วสัมผัสช่องทางรัก กายนาคินทร์นั้นสั่นระริกด้วยปลายเท้าจิกกับพื้นหินสร้างความสุขใจให้กับรพีพงศ์ยิ่งนัก
“ทะ..ท่านรพีพงศ์…อย่าแกล้งข้า” นาคินทร์ร้องขอแต่ไม่เป็นผล รพีพงศ์ละมือข้างหนึ่งที่ขย้ำเนื้อนวลมาใช้เพียงนิ้วลูบวนตามรอยจีบสีสด
“อึก..อ๊า….” เพียงนิ้วเดียวที่ชำแรกเข้าไป นาคินทร์กลับรู้สึกอึดอัดปนหน่วง…แต่ดีเหลือเกิน ดีเสียจนปั่นป่วนวาบหวิวอยู่ในช่องท้อง แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการร่วมรัก แต่สำหรับนาคินทร์นั้นห่างหายเรื่องแบบนี้มาได้สักพัก พอได้กลับมาถูกเร้าสัมผัสอีกครา ก็เหมือนตนได้รับประสบการณ์ที่เร้าร้อนนี้อีกครั้ง
“อ่ะ..อ่า…อ่า…” นาคินทร์ครวญครางยามรพีพงศ์ขยับนิ้วเข้าออกเนิบนาบ ไหนจะเพิ่มนิ้วหมุนวนในช่องทางให้พร้อมที่จะรองรับความใหญ่โตที่มีมากกว่านิ้วมือหลายเท่านี่อีก รพีพงศ์ไม่ต้องการใช้ความรุนแรงกับนาคินทร์ดั่งที่ตนเคยได้ทำเมื่อครั้งก่อน เทพหนุ่มจึงตั้งอกตั้งใจค่อยๆ มอบความสุขเสียจนนาคินทร์ดิ้นพล่าน
“อื้อ..ท่านรพีพงศ์…ข้า…อึก.อ่า..” เอ่ยมาเพียงเท่านี้ ผู้ถูกเรียกขานรู้ทันทีว่านาคน้อยต้องการอันใด ยิ่งผนังภายในบีบรัดนิ้วก็ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่คิด รพีพงศ์จึงดึงนิ้วออกโดยพลันทำให้สะโพกแน่นยกลอยขึ้นมาตามนิ้วไปด้วย เพราะเห็นว่าถึงกาลอันสมควรแล้วจึงจับแก่นกายร้อนจ่อที่ปากทาง หากมิได้เสือกแทรกเข้าไปภายในเนื้อนุ่ม รพีพงศ์กลับทำเพียงถูไถไปตามร่องบั้นท้ายเท่านั้น
“อื้อ..ท่านใจร้าย..อ่า.ใจร้าย…” นาคินทร์ตัดพ้อเพราะโดนแกล้ง รพีพงศ์ส่ายหน้าให้กับความกระเง่ากระงอดที่ดูแล้วรู้สึกเอ็นดูจนอยากจะแกล้งหนักๆ
“นาคินทร์กอดข้าสิแล้วข้าจะทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ” รพีพงศ์เอ่ยกระซิบข้างใบหูนิ่มเสียงแหบพร่า ช่างน่าขันนักแกล้งเขาแต่ตนนั้นทรมานเสียได้ นาคินทร์รีบทำตามไม่คิดขัดใจ รีบลุกขึ้นเอนหลังไว้กับผนังถ้ำแล้วใช้แขนทั้งสองข้างกอดร่างสูงแน่น เมื่อนาคินทร์กอดรพีพงศ์แล้ว บุตรแห่งทินกรก็ใช้แขนทั้งสองค้ำยันผนังถ้ำเป็นการกักตัวนาคินไว้ ตามด้วยแทรกแท่งร้อนเข้าไปในกายบางทีละนิดเพื่อที่นาคินทร์จะได้ไม่เจ็บมาก
“อ่า.า…นาคินทร์..เจ้าเจ็บหรือไม่เล่า”
“อ่ะ.…อ่า...ท่าน..ท่านรพีพงศ์..ข้าเจ็บเพียงเล็กน้อยท่านอย่ากังวลเลย”
…‘แม้จักเจ็บกว่านี้ข้านั้นก็เป็นสุข ในเมื่อความเจ็บนี้มันเป็นเครื่องยืนยันว่าข้านั้นเป็นของท่าน’…
พอผสานกายเข้าไปจนสุดแล้วรพีพงศ์รอให้ร่างกายของนาคินทร์นั้นปรับตัวให้คุ้นชินก่อน จึงเริ่มขยับโยก ให้แก่นกายใหญ่เสียดสีกับเนื้อภายแสนร้อนผ่าวกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวรพีพงศ์ยิ่งพลุ่งพล่าน พอๆ กับหยาดเหงื่อที่ผุดพรายอาบร่างทั้งสองไม่ต่างจากหยดน้ำ
‘จุ๊บ..จุ๊บ’ ร่างสูงโน้มสร้างรอยราคีตีตราตามเนินไหล่และเนินอกราวกับต้องการให้ใครที่มาเห็นจักได้รู้ว่านาคินทร์เป็นของตนเพียงผู้เดียว ด้านนาคินทร์เองไม่ยอมให้รพีพงศ์ทิ้งร่องรอยเพียงฝ่ายเดียว ตนนั้นได้ฝากรอยข่วนไปทั่วทั้งแผ่นอกกว้างเป็นทางยาวเช่นกัน
“อ่า...อ่ะ..อ่า…อ๊ะ..” นาคินทร์ครางกระเส่าร่างกายสั่นโยกไปตามแรงกระแทก
“อืม..ม…ข้างในเจ้าบีบรัดข้าเสียจริง” กล่าวชมคนงามที่บีบรัดแกนกายอย่างต่อเนื่องจนรพีพงศ์อยากปลดปล่อยเสียเดี๋ยวนั้น
“ระ…แรงอีกได้หรือไม่..อื้อ..” 
ไม่ว่านาคินทร์ขอร้องสิ่งใด ทุกครารพีพงศ์มักจะแกล้งให้ขัดใจ แต่เห็นทีเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องเดียวที่เทพหนุ่มละเว้น ไว้ ในเมื่อคนงามขอให้ทำรักแรงๆ มีหรือจะไม่สนองให้ รพีพงศ์กระแทกกระทั้นแก่นกายหนักหน่วงเสียลืมความเจ็บจากแผลช่วงเอวของตนเสียสนิท
“อือ...นาคินทร์”
“ท่านรพีพงศ์ตรงนั้น..อ่า..ตรงนั้น..อื้อ..ลึก..ลึกไปแล้ว” 
“อ่า…เรียกข้าว่าท่านพี่สิ..อืม...นาคินทร์เรียกข้าว่า...ท่านพี่” ไม่รู้สิ่งใดดลใจให้รพีพงศ์อยากฟังคนงามเอ่ยเรียกตนด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป
“ท่านพี่รพีพงศ์…อ่า…ท่านพี่..อ่ะ..ท่านพี่รพีพงศ์” นับว่าคุ้มที่เอ่ยขอ เสียงหวานเรียกตนว่าพี่ทำให้รพีพงศ์มีแรงฮึดโหมไฟราคะผ่านการขยับแก่นกายเข้าออกจนนาคินทร์สุขล้นกับสิ่งที่รพีพงศ์มอบให้
“พี่รพีพงศ์…ข้าจะไม่ไหวแล้ว..อื้อ..”
“อดทนอีกนิด..อ่า…ไม่นานแล้ว…อ่า”
“อ๊า!!”
สิ้นเสียงครางแสนสัปดลของนาคินทร์ หยาดน้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยเปรอะเปื้อนหน้าท้องราบของตนพร้อมกับรพีพงศ์ที่มอบไฟรักเข้าไปในกายจนนาคินทร์รู้สึกร้อนวาบมากกว่าอุ่น  
“พอหรือยัง...นาคินทร์...” รพีพงศ์เอ่ยถาม
“พอแล้ว...ข้าเหนื่อย...”  นาคินทร์ตอบไปอย่างแผ่วเบาเพราะ ศึกสวาทเมื่อครู่นั้นทำเอาเรี่ยวแรงหดหาย ทำเอาดวงตาจะปิดเสียให้ได้ 
แต่...เมื่อได้ใคร่แล้วมีหรือครั้งเดียวจะเพียงพอ ไฟแรงกำหนัดเทพหนุ่มนั้นเหมือนโคถึกที่กำลังคึกลุกโชน 
“ข้าขออีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่...” นาคินทร์มิทันจะได้ตอบอะไร รพีพงศ์ก็เริ่มปลุกเร้าให้นาคเชลยในมีอารมณ์ร่วมกับตนอีกครั้ง นำพาให้จิตดำดิ่งสู่ห่วงกามตัณหา ดั่งภาพเมื่อครู่ที่ฉายซ้ำย้อนไปมาวนเวียน จะพลัดเปลี่ยนไปบ้างก็ช่วงที่นาคินทร์ขึ้นไปอยู่ด้านบนแล้วนั่งทับกลางกายรพีพงศ์ขึ้นลงอย่างเอาแต่ใจ

สาปรัก 23 NC

…‘ใครเล่าจะปล่อยให้เจ้าร้องห้ามพี่’… นภนต์ปิดปากคนรักด้วยริมฝีปากตนเอง เสียงที่ร้องโวยวายเมื่อครู่ถูกดูดกลืนไปพร้อมกับปลายลิ้นเล็กจนชลันธรอ่อนระทวยเผยอปากต้อนรับให้นภนต์รุกใช้ลิ้นสำรวจกวาดเสบียงแสนหวาน
โอษฐ์หยักนั้นคอยพร่ำจูบ หัตถาเริ่มขยับเข้าสอดลูบไล้เอวคอดขึ้นไปจับหมับที่แผ่นอกแล้วนวดเค้นแผ่วเบาปลุกปั่นอารมณ์ให้ชลันธรพร้อมร่วมรบในสมรภูมิรักนี้
“ฮื้ม…” ชลันธรครางในลำคอพร้อมกับใช้กำปั้นน้อยๆทุบไหล่ร่างสูงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าขอสงบศึกระหว่างชิวหาชั่วคราว นภนต์เองยอมถอยกำลังเป็นอย่างดีแต่อย่างไรเสียก็มิวายประทับริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นการส่งท้าย
“ท่านพี่..อือ…อย่าใช้มือจับตรงนั้น..อ่ะ…” พอริมฝีปากเป็นอิสระชลันธรจึงร้องห้ามไม่ให้มือแสนซุกซนเล่นกับยอดอกเมล็ดบัวสีหวาน นภนต์ผละมือออกจนชลันธรยังนึกสงสัยไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่…นภนต์นั้นไม่น่าจะรามือโดยง่ายเช่นนี้
“ท่านพี่..จะทำอันใด…ทะ..ท่านพี่..อ๊า…” นภนต์รามือแต่กลับก้มลงใช้ลิ้นตวัดเลียยอดอกทั้งสองสลับกันผ่านผ้าผืนบางที่ปกปิดจนชลันธรครางเสียงหวาน ครั้นใช้มือผลักไสก็กลับไร้เรี่ยวแรง ไหนจะเป็นร่างกายที่ไม่รักดีแทนที่จะดิ้นหนีกลับขยับเข้าหาจนแนบชิดไร้ที่ว่างให้อากาศแทรกผ่าน
เมื่อเห็นว่าคนรักพร้อมสู้ศึกนภนต์จึงปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ปกปิดกายของตนเองและชลันธรออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งพิงเสาเตียงแล้วดึงร่างบางมาโถมทับตนจนสัมผัสถึงไอร้อนที่แผ่ซ่าน
“ชลันธร…น้องช่วยใช้ปากน้องตีดาบให้พี่ได้ไหมเล่า” ไม่พูดเปล่านภนต์จับข้อมือเล็กให้มาจับดาบขนาดใหญ่ตรงกลางกาย ชลันธรเองแม้จะกระดากอายในเรื่องแบบนี้หากรู้ดีว่านภนต์นี้หมายถึงอะไร
“ท่านพี่นภนต์…ข้า….ข้ามิกล้า” แก้มขาวมีเลือดฝาดแดงก่ำ พอจะดึงมือกลับนภนต์นั้นก็ยังบังคับให้มือตนจับดาบร้อนอยู่ดี
“ลองดูเถิดนะคนดี…ถือว่าช่วยพี่สักครา” นภนต์เอ่ยหว่านล้อมขอร้องเสียงกระเส่า แววตาอ้อนวอนชวนให้ชลันธรใจอ่อนเสียจนได้ คนงานพยักหน้ารับแล้วขยับกายเลื่อนลงมามือข้างหนึ่งจับดาบไว้ให้มั่นแล้วจึงค่อยใช้ลิ้นเลียวนจากปลายดาบไล่ลงมาช้าๆ ลากขึ้นลงแผ่วเบาด้วยความที่ไม่ค่อยจักชำนาญ
“อืม…ชลันธร” นภนต์พึงพอใจแม้อีกฝ่ายจะไม่ประสีประสานัก ชลันธรเองยิ่งได้ยินเสียงร้องรวมถึงมือหนาที่คอยลูบผมตนด้วยความรักก็ใจชื้นขึ้นและกล้าที่ใช้ปากเข้าครอบดาบทีละนิด…ทีละนิด
“อืม….ดีมาก” นภนต์มองชลันธรที่คอยปลุกปั่นตีดาบให้แข็งขืนขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากห่อรัดเล็กน้อยทั้งใช้ลิ้นคอยเย้าไปด้วยในระหว่างที่ขยับรูดขึ้นลง นภนต์เองก็มิได้จะรับความสุขเพียงอย่างเดียว ร่างสูงใช้ดัชนีของตนจุ่มน้ำในจอกแก้วบนโต๊ะใกล้เตียงลากยาวไปที่ร่องบั้นท้ายแล้วหยุดที่เตาหลอมสีอ่อนของชลันธร
“อ๊ะ!!...ท่านพี่!!” ชลันธรถอนปากออกแทบทันใดยามที่ถูกนภนต์ใช้นิ้วลูบวนปากทางสีสดแล้วสอดเข้าไปในกายทีละนิ้วจนเป็นสาม 
“อ่ะ…อ่า…อ่า” ชลันธรครางกระเส่าเมื่อดัชนีทั้งสามขยับเข้าออกบ้างก็หมุนวน ตาเรียวช้อนตามองคนรักหยาดเยิ้มจนนภนต์อดไม่ได้ที่จะจุมพิตที่หน้าผากเนียน
“แม้ดาบพี่จะตีเสร็จเป็นรูปร่างแต่พี่นั้นอยากจะหลอมมันกับไฟในกายน้องยิ่งนัก” รอเวลาจนเห็นสมควรด้วยผนังนุ่มเริ่มตอดรัด นภนต์จึงหยอดคำหวานพลางจับชลันธรให้นอนคว่ำคุกเข่าไว้
“อ๊า..ท่านพี่!!..เจ็บ..อ่ะ” ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกหากเรื่องกามศึกระหว่างทั้งคู่ก็หาได้เกิดขึ้นเลยหลังจากที่นภนต์ขับพิษนาครักษาร่างบาง จึงไม่แปลกที่ชลันธรจะร้องออกมาหางตามีเม็ดน้ำใสซึมเล็กน้อย นภนต์รู้ว่าดาบของตนนั้นทำคนรักเจ็บจึงได้จูบซับลงบนแผ่นหลังเป็นการปลอบประโลม
“ชลันธร…พี่รักเจ้า” นภนต์โน้กระซิบสวาทรักให้ชลันธรชื่นใจ มือข้างนึงรั้งเอวบางไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ขยับแก่นกายให้ชลันธรอ่อนไหวพาให้ลืมเจ็บ จากนั้นจึงเริ่มกระแทกสะโพกตนส่งดาบเข้าออกในเตาหลอม
“อ่า..อะ..อ๊ะ..อ๊า”
“อืม..”
นภนต์กระแทกกายไม่มีเว้นพักเว้นหยุดจนร่างของชลันธรโยกไปด้านหน้า ความเจ็บที่ได้รับก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสม และวาบหวิวเสียจนชลันธรจิกเล็บเข้ากับภูษาที่ปูเตียงจนยับยู่ยี่ กระนั้นนภนต์ก็ไม่ปรานียังคงส่งดาบเข้าฟันจ้วงแทง
“อ่า..า…ท่านพี่นภนต์”
“เจ้าชอบหรือไม่เล่า..อ่า”
“ชอบ..อืม…อ่ะ..” เสียงหวานตอบตามความจริงในเมื่อบัดนี้ได้รับการปรนเปรอถึงสองทาง
“เหวอ…ท่านพี่จักทำอันใดข้า”
ชลันธรร้องเหวอด้วยความตกใจอยู่ดีๆ นภนต์ก็กอดเอวตนแล้วรัดให้ลุกนั่งเอนพิงกายทั้งที่ร่างกายยังคงเชื่อมกัน นภนต์ยิ้มกริ่ม…ใครเล่าจะให้เจ้ารับความสุขโดนยมิต้องทำอันใด…
“หากเข้าชอบจงขยับกายตีดาบพี่ให้หลอมเหลวทีเถิด” นภนต์เอ่ย ชลันธรหน้าขึ้นสีทั้งโมโหทั้งอายแต่เหนือสิ่งใดความรู้สึกค้างคาและแรงราคะมีมากล้นยิ่งกว่า สุดท้ายชลันธรก็เป็นฝ่ายเข้าหาคมดาบของแม่ทัพหลวง
“อ๊า…อ่า…อะ..อ๊า”
‘จุ๊บ..’
ชลันธรเริ่มค่อยๆ โยกกายขย่มแก่นกายใหญ่โดยปล่อยให้อารมณ์นำพาไป นภนต์เองนั้นมิได้นั่งเปล่าเทพหนุ่มซุกไซ้คอขาว ทั้งขบเม้ม ดูดดุน จนเป็นรอยแดงลามไปถึงหลังใบหู ไหนมือที่ข้างหนึ่งคอยเขี่ยสะกิดยอดอก อีกข้างคอยนำพาความสุขให้กลางกายเล็ก
“ท่านพี่...ข้าเหนื่อย..อื้อ..กายข้าก็ใกล้..แล้ว…” ชลันธรจวนเจียนใกล้ถึงฝั่ง นภนต์จึงขยับสะโพกสวนรักกายบาง อย่าว่าแต่ชลันธรเลยนภนต์เองมิอาจสามารถทนต่อแรงรัดภายในยามที่ปลายดาบกระแทกตรงจุดกระสันได้
“อ่า…อ่ะ..ท่านพี่..ข้ารักท่าน…อ่า..ท่านพี่นภนต์”
“พี่ก็รักเจ้า…ชลันธร…อ่า..รัก..รักเจ้า”
“อ๊า…”
ชลันธรปลดปล่อยความสุขสมหลั่งไหลออกมาเป็นสายธารสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนหน้าท้อง ฝ่ายนภนต์เองปลายดาบถูกหลอมจนมีน้ำโลหะหลั่งออกมาในกายคนรัก
“พี่รักเจ้า…ชลันธร” นภนต์บอกรักคนงามที่อ่อนเพลียเสียจนอิงศีรษะพิงอกแกร่งของตน
“ข้าก็รักท่านพี่” ชลันธรยิ้มรับและตอบกลับ  ทั้งสองพร่ำบอกรักกันมิรู้จักเบื่อ  หากแต่ชลันธรต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“หากเจ้ารักพี่...ถ้าเยี่ยงนั้นพี่ขอทำรักเจ้าอีกรอบจะได้หรือไม่...” นภนต์ยังมีความต้องการอีกครั้ง จึงร้องขอคนรักให้คลายกำหนัดตนอีกสักรอบ
“อื้อ…ท่านพี่!!..ไม่แล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว...” ชลันธรปฏิเสธ
“มิได้หรือคนดี...พี่ขออีกรอบเดียวเท่านั้น...”  นภนต์ยังคงอ้อนขอร้องให้ชลันธรร่วมรักกับตนอีกครั้ง
“ก็ได้...” กายบางสบมองแววตาเทพหนุ่มหยุดคิดเพียงครู่หนึ่ง ด้วยมิทนเสียงออดอ้อนจึงพลางตอบตกลง ชลันธรปล่อยให้จิตใจที่ลอยได้ในยามนี้นั้นนำพา  ใจหนึ่งก็คิดหากเทพีปัณฑารีย์ได้ยินเสียงสัปดลนี้เสียหน่อยคงจะเป็นการดีไม่ใช่น้อย...ชลันธรจึงตั้งใจเปล่งเสียงให้ร้องดังกว่าศึกรักครั้งเมื่อครู่  ซ้ำยังพูดเชิญชวนในนภนต์ทำรักตนรุนแรงอีกด้วย... เล่นเอานภนต์นั้นลุ่มหลงกายนี้อย่างหมดใจ ตั้งใจตอบรับด้วยความรักที่รุนแรงเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สาปรัก 11 Nc





นภนต์นั่งลงเคียงข้างบนเตียงกว้างแล้วจับร่างชลันธรให้นั่งพิงอกตน ก่อนจะร่ายมนต์นำถ้วยยาที่ได้จากการผสมน้ำทับทิบสุบรรณทั้งสองถ้วยออกมา แล้วจัดแจงยกดื่มเข้าไปในคราวเดียวถ้วยหนึ่ง ส่วนถ้วยที่เหลือเมื่อพิจารณาดูแล้วหากให้ชลันธรดื่มเอง อาจจะหกจนต้องเสียยา การขับพิษนี้คงต้องล้มเหลว... “ลันเดี๋ยวพี่จะป้อนยาขับพิษนะครับ...อย่างป้วนทิ้งล่ะ” นภนต์จำต้องดื่มเข้าไปอีกถ้วยแต่กลั้นกลืนไว้ เทพหนุ่มโน้มใบหน้าลงแล้วจับปลายคางของคนที่แนบอกให้หันมา นภนต์ประกบริมฝีปากลงที่ริมฝีปากนิ่มแล้วสอดลิ้นเปิดริมฝีปากส่งยาวิเศษไหลผ่านลงเข้าโพรงปากให้ชลันธรได้ดื่ม
“ฮืม.ม…” เสียงครางเบาในลำคอ กายโปร่งกลืนยาที่นภนต์ได้ป้อนให้จนหมด แต่กระนั้นนภนต์กลับมิยอมถอนปากออกยังคงหยอกเหย้าตวัดลิ้นชลันธรที่เกี่ยวลิ้นรับอีกคนอย่างเชื้อเชิญ  ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเริ่มการนี้จะหยุดอธิบายให้คนงามฟังกลางครันวิธีขับพิษคงมิเป็นการดี  นภนต์บดเบียดริมฝีปากแนบชิดยิ่งกว่าเก่าจนไม่มีระยะห่างให้อากาศแทรกผ่านเข้าออก  มือหนาก็ปลดกระดุมเสื้อสีขาวเปื้อนเลือดและกางเกงของคนที่นั่งพิงอกแล้วค่อยๆ ถอดออก แต่มันชักช้าไม่ทันใจชลันธรจึงช่วยถอดอีกแรง ให้เสื้อผ้าน่ารำคาญนี้พ้นๆ จากกายไปให้ไกล เมื่อไร้อาภรณ์ใดๆ ก็เผยให้เห็นผิวกายเนียนแดงก่ำจากพิษนาคา...
หากเป็นเมื่อก่อนชลันธรคงขัดขืนในสิ่งที่นภนต์กระทำล่วงล้ำเช่นนี้ไปแล้ว ด้วยหวงเนื้อหวงกาย ถึงจะเคยให้นภนต์สัมผัสบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม แต่ผลพวงจากพิษราคะร้ายที่กุมใจ ชลันธรจึงมิได้ขัดขืนในสิ่งที่นภนต์กำลังกระทำการล่วงเกิน...กลับปล่อยกายปล่อยใจให้คนเทพผู้มีปีกตักตวงความงามจากกายตน  
นภนต์ดูดปลายลิ้นชื้นแล้วถอนจูบ ชลันธรมองด้วยสายตาที่ฉ่ำเยิ้มแสนยั่วกามรมณ์  ไม่ว่าตอนนี้จะกระทำการใดยามนี้ช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก นภนต์อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มแดงระเรื่อลงฟอดใหญ่ แต่ชลันธรที่ต้องพิษร้ายไม่ได้ต้องการเพียงแค่นี้ นภนต์เองก็รับรู้ได้ด้วยกายบางนั่งบดเบียดสะโพกกลมกับกลางกาย ไหนจะพยายามโน้มหน้าของตนลงก้มต่ำหมายจะจูบต่อ
“ฮื้อ.อ…อืม…พี่นภนต์ช่วยลันที ลันร้อน  ร้อนเหลือเกิน...” เสียงครางหวานร้องระคนคำอ้อนเชื้อเชิญ นภนต์ไม่ยอมจูบแต่กลับก้มลงซุกไซร้สูดดมซอกคอขาวอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากหนาดูดเม้มข้างคอระหงอย่างหื่นกระหาย  บังเกิดร่องรอยสีกลีบกุหลาบรักนับไม่ถ้วนทั่วทั้งลำคอและลาดไหล่เนียน พร้อมกับมือหนาสวมกอดเอวบางไว้แนบแน่น  อีกข้างคอยบดคลึงเม็ดพลายยอดอกสีชมพูหวาน ให้พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจนแข็งขืน  ชลันธรถูกปลุกเร้าอารมณ์สวาท ได้แต่แอ่นอกรับความเสียวกระสันที่นภนต์มอบให้ จนกายบางอ่อนยวบเคลิบเคลิ้มไปกับการกระทำเทพท้องนภา
“อ่า.า..พี่นภนต์..อืม.ม…อ๊า…ฮึก...ฮ้า.า...ช่วยลันด้วย ลันไม่ไหวแล้ว...” ร่างบางวอนขอผู้มีที่ลมหายใจติดขัดรดต้นคอเขาให้ช่วยเหลือปลดปล่อยอารมณ์อยากตัณหานี้  อารมณ์ใคร่ที่ค่อยๆ ทะยานไต่ระดับขึ้นของมนุษย์น้อยในอ้อมกอดจนมากล้น เพียงปลายนิ้วที่ยังสะกิดเล่นเมล็ดบัวบนยอดอกกายบางที่ไร้เครื่องนุ่งห่ม  หรือยามที่มือสากลูบผ่านหน้าท้องที่แบนราบลงไปจนถึงส่วนอ่อนไหวอดีตเทพสมุทร  ร่างบางนั้นดิ้นเร้าครางเสียงกระเส่าขับท่าทางที่แสนยั่วแต่งดงามราวนางกินรีเริงระบำให้ได้ยล
“เสียว…อืม.ม…อ่า.า…อ่ะ เสียวเหลือเกิน” หากไม่เสียวนั่นสิถึงจะแปลก ในเมื่อนภนต์เริ่มนวดคลึงส่วนเนื้อที่เมื่อครู่ยังนิ่มอ่อน ให้แข็งขันอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วง สร้างความกระสันรักจนร่างบางสั่นสะท้านมิหยุดหย่อน แกนกายเล็กแข็งขืนขึ้นสู้มือหยาบ นภนต์เองก็ไม่ความคิดที่จะหยุดเพียงเท่านี้ เทวดาหนุ่มรูดรั้งขยับแกนกายของชลันธรขึ้นลงอย่างช้าๆ
“อ่ะ…อ่า..า..อ๊ะ…อื้อ..” ชลันธรปล่อยให้นภนต์ทำตามอำเภอใจ ด้วยหมายระบายแรงใคร่ที่มีมากล้น กายงามเงยหน้าขึ้นบรรจงจรดริมฝีปากดูดเม้มต้นคอแกร่งเทพหนุ่มจนเกิดจ้ำรอยสีรักมิต่างกัน  ความอึดอัดจากความต้องการกันและกันมากขึ้นเข้าครอบงำทั้งสองให้ดำดึ่งสู่ห่วงแห่งกามรมย์ หยาดน้ำใสสีม่วงก็ปริ่มออกมาจากปลายแก่นกายเล็ก
“ลันครับ…ชันเข่าตั้งขึ้นมาให้พี่หน่อยสิครับคนดี”
เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ราวสะกดใจให้ชลันธรทำตามอย่างว่าง่าย ยามนี้หัวใจนั้นเตลิดไกลไร้เสียงพูด ขาเรียวงามยกตั้งชันเข่าขึ้นและถูกหัตถาจับแยกออก เผยเห็นบุพผางามที่ยังมิเคยมีผู้ใดได้แตะต้อง นภนต์ใช้มัชฌิมา(นิ้วกลาง)ป้ายหยาดน้ำใสของชลันธร ลงลูบวนตามรอยจีบของปากทางรักสีสวยก่อนจะสอดแทรกลิ้นชื้นลงเข้าไปทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน…
“อ้า.......อ้า.........อ้า.........” คนงามเปล่งเสียงหวานครางระงมด้วยรับสัมผัสจากปลายลิ้นที่แปลกใหม่ กายบางแทบหลอมละลายดั่งไขผึ้งเมื่อต้องความร้อน  ด้วยเนื้องามที่นภนต์ใคร่ใฝ่ฝันมานับร้อยๆ ปีนั้นอยู่ตรงหน้า แล้วมีหรือจะไม่กระตือรือร้นตักตวง ยิ่งยามนี้กายงามกำลังขับความงามอย่างถึงที่สุด ฉุดกระตุกเกร็งจิกปลายเท้าเป็นระยะ เมื่อปลายลิ้นเร่งเร้าสัมผัสจุดเร้นลับที่อ่อนไหว แล้วส่งดัชนีร้ายดันเข้าไปสัมผัสภายใน ...ช่างคับแน่น... คือ สิ่งแรกที่นภนต์รู้สึกได้… มันช่างคับแน่นเสียจนนภนต์อดคิดไม่ได้ว่าส่วนนี้จะสามารถรองรับความใหญ่โตของตนได้  นิ้วมือจึงเพิ่มจำนวนจาก 1 เป็น 2 เร่งขยับ และปรับเพิ่มเข้าไปอีกทีละนิ้วเพื่อขยายปากช่องทางให้กว้างขึ้น 
“อ๊า...ไม่ ไม่...” นิ้วร้ายเร่งกระแทกเข้าช่องทาง ถึงจะครวญครางแต่กลับร้องห้ามเสียอย่างนั้น แม้ช่องทางจะบีบรัดนิ้วเป็นสัญญาณบ่งบอกความพร้อมของร่างโปร่งก็ตาม...
“ไม่อะไรหรือ คนดี ลันไม่พอใจหรือที่พี่ทำ...อดทนหน่อยเถิดพี่กำลังรักษาลัน” ด้วยสงสัยเสียงห้ามปราม แต่นิ้วร้ายก็ยังมิหมายที่จะหยุดกระทำ
“ไม่ครับ  ไม่เอานิ้ว...” ถึงยามนี้นภาเทพจึงเข้าใจแล้วว่าชลันธร คงอยากให้ส่วนที่แกร่งที่สุดในกายเขาได้เข้าไปในช่องทางที่นิ้วมือกำลังผลุบเข้าออกอยู่เป็นแน่  
“ใจร้อนเสียจริงคนดี ...ได้...พี่จะทำให้ลันพอใจบัดเดี๋ยวนี้...” นภนต์ถอนนิ้วออกแล้วจัดแจงท่าทางของชลันธร ยันกายบางให้นอนคว่ำราบลงกับเตียง แขนแกร่งสอดรั้งเอวบางตั้งขึ้นให้สะโพกกลมนั้นลอยเด่นชัด  นภนต์ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่แสนรุ่มร่ามท่อนล่างออก เผยแท่งร้อนที่พร้อมรบ เมื่อจดจ่อที่ปากทางแล้วจึงค่อยๆ ดันสอดประสานเข้าภายใน ถึงแม้ชลันธรจะโดนพิษร้ายให้เกิดกำหนัดแต่ชลันธรก็ยังบริสุทธิ์ไร้ใครเคยล่วงเกินจุดนี้ ดังนั้นนภนต์จึงระวังให้ชลันธรเจ็บน้อยที่สุด
“อ่ะ…อ๊า.า….เจ็บ!!!...” เสียงร้องว่าเจ็บก็มาพร้อมหยาดน้ำตาใสคลอเบ้าเมื่อความใหญ่โตได้ทะลุผ่านเข้าไป นภนต์หยุดนิ่งไม่ขยับครู่หนึ่งเพื่อให้ร่างกายของคนรักได้ปรับตัว ถึงคนที่ตั้งรับแกนกายที่ใหญ่โตจะเคยเห็นและเคยสัมผัสมันมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่เคยจะให้เข้ามาในกายเขาเช่นนี้  ครั้งแรกกับคนคนนี้ไม่ว่าความเจ็บปวดจะมากมายขนาดไหนก็แสนเป็นสุข...
“ลัน…ผ่อนคลายนะครับ อย่าไปคิดว่ามันเจ็บนะ..เชื่อใจพี่นะ…ลัน” กายหนาก้มลงจรดริมฝีปากจูบพรมแผ่นหลังหวังปลอบโยน นภนต์ทั้งจูบและพูดปลอบ ชลันธรก็ปล่อยกายใจให้ไปตามอารมณ์โดยไม่คิดว่ามันเจ็บของที่นภนต์พูด  ครั้นเทพหนุ่มเห็นสีหน้าไร้กังวลนั้นก็ค่อยๆ เริ่มขยับโยกเข้าออกไปในช่องทางหฤหรรษ์
“อ่า.า…พี่นภนต์ อ่ะ....อ๊ะ..อื้อ.อ…” 
“อืม.ม…ลัน”
เพียงขยับเข้าออกเบาๆ ก็เรียกเสียงครางให้กับทั้งสองได้ ในกายนั้นทั้งลื่นทั้งอุ่น จวนทำให้นภนต์แทบคลั่ง เช่นเดียวกับชลันธรที่แม้จะเจ็บจุก แต่กลับสุขสันต์กับบทบาทและลีลารักที่นภนต์กระแทกกระทั้นเข้ามาในกาย พิษบ้าประหลาดอะไรทำไมต้องรักษาด้วยวิธีการเยี่ยงนี้...
ทะเลคลั่งมีหรือจะฤาอิ่ม ไม่เพียงแรงกระแทกกระทั้นอย่างเดียวที่ชลันธรได้รับ ฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปตามแผ่นอกแล้วเลื่อนลงกอบกุมส่วนอ่อนไหวนั้นก็ยิ่งเร้าอารมณ์มากขึ้นไปอีก จนอดไม่ได้เลยที่จะส่งเสียงหน้าอายออกมาลั่นคูหาเพชร
อารมณ์ตัณหาที่มีอยู่ของเทพเวหาถูกปลุกเร้าด้วยเสียงครางหวาน สติเตลิดไกลพาใจที่โชกโชนราวกับเพลิงไฟเผาไหม้ไพรวัลย์ ให้เร่งรัดขยับกายเร็วขึ้น...ไม่เจ็บ แต่เสียวซ่าน...คนที่ถูกกระทำได้แต่ระบายความรู้สึกนั้นผ่ายนิ้วเรียวจิกขยุ้มภูษาที่ปูเตียงจนยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าเดิมที่เคยงดงาม
“พี่นภนต์…อ่ะ..อ่า.า..พี่นภนต์..อือ..อ…” คนงามเอ่ยชื่อคนรัก พอได้ฟังเทพหนุ่มก็อยากจะเห็นใบหน้าของชลันธรยิ่งนัก ในยามปกติก็ว่างามแล้ว ตอนที่เรียกนามตนนี้ในนาทีนี้จะเป็นเช่นไร นภนต์ถอนกายที่แสนอึดอัดนั้นออก  มือหนาดันคนใต้ร่างให้พลิกกายนอนหงาย  ขาสวยถูกจับยกขึ้นมา ก่อนลากไล่ด้วยปลายลิ้น ผ่านปานดำรูปนาคาขึ้นมาจนถึงท่อนขาอ่อน นภนต์สร้างสัญลักษณ์ด้วยรอยจูบนับสิบไว้กับขาทั้งสองข้าง หากเป็นตอนสติคนงามสติยังดี คงสร้างความปั่นป่วนใจให้กับชลันธรไม่น้อย เพราะต้องปกปิดรอยรักเหล่านี้ไม่กล้าให้ใครต่อใครได้เห็น ไม่รู้สิ่งใดเข้าดลใจ นภนต์คว้าเอาหลังเท้างามเข้ามาใกล้ แล้วก้มจรดพรมจูบลงปลายเท้าอย่างทะนุถนอม แล้วเป่าลมปากอย่างเผ่าเบา 
“เพี้ยง...พี่จูบให้แล้ว หายเจ็บหายป่วยไวๆ นะครับ...” ปลอบขวัญคนงามราวเด็กน้อยวิ่งหกล้ม จะมีก็แต่เพียงได้ยิ้มเล็กๆ นั้นกลับมาให้ชื่นใจ  เทพหนุ่มวางเรียวขาสวยพาดไว้ที่ลาดไหล่แกร่งของตน ก่อนจะดันส่วนที่เคยถอนออกมาให้เชื่อมติดกายแนบชิดกันอีกครั้ง
“ซี๊ด..ด….อืม..ม…ลัน”
“อ๊า.า..ฮ้า.า..อืม.ม….พี่นภนต์”
ทั้งสองต่างครวญครางไปด้วยชื่อของอีกฝ่าย พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของกันและกัน นภนต์เร่งเร้าขยับกาย เข้าออกอย่างต่อเนื่อง มือนิ่มของชลันธรก็ปัดป่ายไปมาและโอบกอดที่แผ่นหลังกว้าง เม็ดเหงื่อชื้นผุดพรายขึ้นริมไรเส้นผม จนนภนต์ต้องก้มลงจูบซับแล้วรับรอยยิ้มจากชลันธร เทวดาหนุ่มอดไม่ได้ที่จะมอบจูบแสนหวานให้เป็นรางวัล
“อ่า.า…อ่ะ…อ่า.า…อ่า…พี่นภนต์..อื้อ..อ…พี่นภนต์..อีกนิด…อ่า.า…”
“ครับ…ลัน…ฮืม.ม..”
ครวญเสียงดั่งบทเพลงรัก และไม่มีที่ท่าว่าจะบรรเลงจบ ยังคงดำเนินต่อไปตามท่วงทำนองที่หนักหน่วงเอาการ เสียงเตียงไม้สลักขยับโยกไหวไปด้วยแรงขับเคลื่อน  และแล้วท่อนสุดท้ายของบทเพลงก็มาถึง นภนต์เร่งบรรเลงไม่หยุดจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันเคล้าคลอกับเสียงครางกระเส่า  บทเพลงนี้จบลงด้วยน้ำรักขาวปะปนด้วยสีม่วงดำ ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากกายของร่างบาง ตามด้วยน้ำรักของนภนต์ที่เต็มไปด้วยยาแก้พิษจากผลทับทิมสุบรรณ หลั่งเข้าภายในกายชลันธร  เพียงแค่อึดใจรูปรอยนาคาสีดำที่เรียวขาขาวก็ค่อยๆ เริ่มมีสีจางลงจนนภนต์สังเกตได้
‘เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง…หากร่วมเสพสังวาท พิษในกายของชลันธรจะถูกขับออก รวมทั้งยาในกายเราจะเข้าแทรกช่วยรักษา’

สาปรัก 10 Nc





รพีพงศ์ยิ้มเยาะ ก่อนยื่นมือหนากระชากขาเรียวร่างบางให้เข้ามาใกล้ แขนแกร่งนั้นยันกับพื้นโต๊ะแล้วโน้มกายก้มลงขืนจูบนาคินทร์ผ่านผืนผ้า ย้ำยีจิตใจให้ได้อาย เจ้าของริมฝีปากนิ่มเม้มปากตามสัญชาตญาณ ทั้งยังพยายามเบือนหน้าหนีหลบหลีกจนรพีพงศ์ต้องจับปลายคางของนาคินทร์แล้วออกแรงบีบ
“อ๊ะ!!!” 
นาคินทร์ส่งเสียงร้องออกมาในลำคอด้วยความเจ็บปวดที่โลดแล่นบริเวณปลายคาง รพีพงศ์อาศัยจังหวะนี้ประทับริมฝีปากผ่านผ้าผืนบางที่มัดปากเอาไว้อีกครั้ง อีกฝ่ายที่พยายามหลบหลีกไม่ยอมเล่นด้วย จนรพีพงศ์ผละปากออก แล้วเปิดผ้าขึ้นให้เห็นริมฝีปาก
“อื้อ..อ..!!!”
ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกลาการจู่โจม รพีพงศ์ก้มขบไล่ริมฝีปากล่างของนาคินทร์ ก่อนจะบดจูบเบียดริมฝีปากแสนกระหายไร้ความนุ่มนวล มีแต่ความเจ็บปวดให้กับนาคน้อยจนริมฝีปากนิ่มบวมเจ่อ รพีพงศ์จึงได้เปลี่ยนเป้าหมายใหม่
เทพหนุ่มเริ่มลากลิ้นมาที่ปลายคางขึ้นไปตามแนวสันกรามจนถึงหูนิ่ม ร่างสูงเกร็งลิ้นแล้วแหย่ไปในรูหูของนาคินทร์จนคนโดนกระทำนั้นเกร็งไปทั้งตัว ลมหายใจของกายบางหอบหนักกระชั้นถี่ บุตรแห่งสุริยะเทพมิหยุดเพียงเท่านี้ เขาโลมเลียไปที่หลังใบหูแล้วดูดเม้มจนเป็นจ้ำสีเนื้อช้ำเล็กๆ นาคินทร์สั่นสะท้านพยายามขืนกายเบี่ยงหลบ แต่ถูกรพีพงศ์จับศีรษะเอาไว้ ท้ายที่สุดนาคินทร์ที่ถูกรพีพงศ์หยอกเย้าเล้าโลมก็หยุดขืนกาย และทำได้เพียงนอนนิ่งๆ เท่านั้น พอเล่นกับใบหูนิ่มจนหนำใจ ร่างหนาเลื่อนลงเปลี่ยนตำแหน่งลงมาที่คอระหง รพีพงศ์ค่อยๆ สร้างรอยราคีดูดเม้มรอบๆ คอขาวจนไม่ต่างจากปลอกคอล่ามสัตว์เลี้ยง
“อั่ก…อื้อ..อ..” นาคินทร์ร้องออกมาเพราะเจ็บจากการดูดดุน รพีพงศ์ไม่ยอมออมมือออมแรงให้แม้แต่น้อย ด้วยสร้างรอยแต่ละครั้งก็มิวายจะใช้ฟันซี่คมขบกัดจนเกิดรอยฟันจางๆ นาคินทร์ก็ทำได้ใช้มือที่ถูกมัดนั้นพยายามดันกายร่างหนาออกเพราะทนก็การปลุกเร้าอารมณ์ร่วมไม่ไหวเนื่องด้วยใจมิได้รักใคร่รพีพงศ์หากปล่อยตัวไม่ขัดขืนคงไม่มีหน้าไปสู้กนธีได้  
ด้วยแรงที่มีน้อยนิดนั้นหรือจะต้านทานเทพผู้หื่นกระหายตัณหาได้ รพีพงศ์กลับไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิด  ซ้ำยังเอาคืนนาคาใต้ร่างด้วยการใช้ปลายดัชนีบดขยี้เม็ดบัวสีชมพูอ่อนทั้งสองข้างบนแผงอกขาวซีดจนชูชัน ตามด้วยใช้ปากครอบดูดดุนจนชุ่มน้ำลายสลับไปมาทั้งสองข้าง
‘อา.า…อย่า.า…อย่าทำ..อื้อ’
ถึงใจจะร้องบอกให้หยุดแต่กายและสัญชาตญาณกลับทรยศ นาคินทร์แอ่นอกรับเข้าหาริมฝีปากร้อนตามจังหวะดูดดุนที่รพีพงศ์มอบให้ ปฏิกิริยาของนาคินทร์นั้นกระตุ้นอารมณ์ดิบของรพีพงศ์ได้ไม่น้อย…ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากทำรุนแรงให้กายเนียนนี้แหลกสลายคามือ
รพีพงศ์เลื่อนใบหน้าลงมาเล้าโลมที่หน้าท้องที่เรียบเนียน มือหนาทั้งสองก็ลูบเอวคอดลงมาที่บั้นท้ายแน่นแล้วขย้ำฝ่ามือลงอย่างรุนแรง จนแผ่นหลังของกายบางนั้นนอนแทบไม่ติดพื้นโต๊ะ ด้วยกระสับกระส่ายเขยื้อนกายไม่หยุด 
ใจนาคาน้อยนั้นอยากจะเอาพระขรรค์เงินข้างกายรพีพงศ์มาเสียบแทงให้ทะลุดวงใจตนเองนัก ที่ร่างกายกำลังหลงระเริงเพลิงไฟตัณหา…ร่างกายที่มอบให้เพียงกนธีกำลังจะแปดเปื้อนด้วยน้ำมือเทพชั้นสูงผู้ใจร้าย  นาคินทร์ที่ได้แต่คิดถึงใบหน้าของกนธี หยาดน้ำใสนั้นก็เอ่อล้นไหลลงออกมาอาบแก้มอีกครั้ง
เทพหนุ่มไม่สนใจหยาดน้ำตานั้นเลยสักนิด เขาใช้ฝ่ามือร้อนดั่งไฟลูบเนื้อนิ่มกลมกลึงแล้วลากผ่านขึ้นมาที่เรียวขา รพีพงศ์จับขาของนาคินทร์ให้อ้าออกกว้างก่อนจะดันให้แนบชิดติดอกคนใต้ร่าง เทพหนุ่มละจากหน้าท้องแบนราบ ตาคมมองไปใบหน้าของนาคินทร์ที่มีน้ำตานองหน้า นาคินทร์หลบสายตาหันไปทางอื่น ร่างบางนั้นรู้สึกอับอายและไม่รู้ว่าถ้าผ่านพ้นราตรีนี้ไปจะกลับมีหน้าที่ไหนไปพบเจอกับกนธี
“มองหน้าข้า…นาคินทร์” รพีพงศ์เอ่ยเสียงพร่า มือก็กำรอบแท่งร้อนของตนเองพลางปลุกเร้าให้กลางกายนั้นแข็งตัว
นาคินทร์แม้จะตกเป็นรองก็อวดดี ไม่ยอมทำตามที่รพีพงศ์สั่ง จนรพีพงศ์อยากจะสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่มีการเล้าโลม หรือหล่อลื่นใดๆ ต่อจากนี้อีก  แกนกายใหญ่ขนาดเท่าข้อมือค่อยๆแทรกเข้าไปทีละนิดจนผสานแนบชิดไร้ช่องว่าง เพียงแค่นี้ก็สร้างความเจ็บปวดและอึดอัดให้กับนาคินทร์ไม่น้อย แล้วเริ่มรู้สึกเจ็บแสบมากยิ่งขึ้น  ร่างบางเดาได้ไม่ยากว่าช่องทางของเขาคงฉีกขาดเป็นแน่แท้ นาคินทร์ได้แต่อดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ผิดกับรพีพงศ์นั้นกำลังสะใจกับการกระทำที่เขาได้ทำลงไป เทพหนุ่มสังเกตความเจ็บร้าวที่เขาก่อขึ้นด้วยปลายนิ้วเท้าของกายบางจิกเกร็งอยู่ตลอดเวลา
“เจ็บนักใช่หรือไม่...นาคินทร์  วันนี้แหละที่เจ้าจะต้องจดจำรพีพงศ์ผู้นี้ไปชั่วกาล...”
“อ่า.า…อืม.ม….” เสียงครางที่พยายามอดกลั้นทำใจรพีพงศ์พอใจ เมื่อขยับแก่นกายเข้าสัมผัสกับผนังนุ่มอุ่นภายในกายของอีกคน รพีพงศ์หยุดนิ่งค้างไว้ก่อนจะเริ่มขยับกายเป็นจังหวะช้าๆ เนิบนาบ แต่บางครั้งก็หนักหน่วง ส่วนนาคินทร์ที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ ทั้งปวดกาย ปวดใจที่ตนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สภาพจิตใจตอนนี้น่ะหรือไม่ตายก็เหมือนตาย
‘กึง!!...กึง..กึง!!!’ จากจังหวะช้าๆ รพีพงศ์ก็กระแทกแรงๆ ให้หนักขึ้น ส่งผลให้โต๊ะตัวเก่าขยับโยกจนเกิดเสียง แต่มิใช่เพียงแค่โต๊ะเท่านั้นที่ขยับโยก กายบางก็เช่นกันที่ขยับโยกไหวไปตามแรงกระแทก 
...เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บเหลือเกิน... เจ็บจนแทบจะหมดสติเสียให้ได้ นาคินทร์พยายามกัดฟันแน่นและข่มกายด้วยจิกเกร็งปลายเท้า ตั้งแต่เกิดมาผ่านการร่วมรักกับกนธีมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ทำไมกับรพีพงศ์ถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนัก  ทุกความเจ็บปวดที่เคยได้รับมาในชีวิตราวกับเศษธุลี ไม่มีครั้งใดที่จะเจ็บปวดทั้งกายใจได้ถึงเพียงนี้
 ร่างกายของนาคินทร์นั้นขยับไปตามแรงส่งด้วยความรุนแรงที่ถูกมอบให้ ความเจ็บที่ถูกคนบนร่างใช้มือกดเรียวขาจนแผลตรงขาอ่อนแนบติดตัวนาคินทร์ส่งผลให้โลหิตไหลออกมาเปรอะเปื้อนผิวขาว
“ฮึก…อึก.ก…ฮือ..ฮือ..” นาคินทร์อยากวอนขอเหลือเกินว่าให้รพีพงศ์หยุดทำร้ายตนได้แล้ว รพีพงศ์พอได้ยินเสียงร้องไห้ความรู้สึกชั่วดีก็แวบเข้ามา…รู้สึกดีราวกับได้ขึ้นสวรรค์ที่ได้ร่วมเสพสังวาทกับกายงามของนาคินทร์…แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับตกนรกที่ตนได้ทำตัวหยาบช้าราวกับไม่ใช้เทพชั้นสูงและคล้ายกับว่าตนนั้นไม่ซื่อสัตย์กับชลันธร
หากจะให้ถอยยามนี้คงไม่ทัน เมื่อได้ขึ้นขี่หลังเสือไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้อารมณ์ชักจูงไปในครรลองของมัน แม้ความสุขที่ได้ปลดปล่อยจะแลกกับความทุกข์ทรมานของนาคินทร์รวมถึงเกิดความสับสนว้าวุ่นใจในตนเองของรพีพงศ์
“...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนาคินทร์ อดทนหน่อยสิ...” หลังมือหนาเลื่อนเข้ามาเช็ดเหงื่อเม็ดโตที่พุดพรายบนใบหน้าสวยที่อิดโรย เหมือนจะเป็นคำปลอบ แต่ก็มิได้หยุดย่ำยีกายและใจที่แตกสลาย  
ดวงตาที่บอบช้ำนั้นปิดแน่นสนิทเมื่อรพีพงศ์เคลื่อนกายอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง  มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาบอก มันยังคงเจ็บหน่วงทุกครั้งที่ถูกแกนกายนั้นกระแทกเข้ามา 
เจ็บจนยากจะเกินทน... ในศีรษะนั้นกำลังหมุนวนเหมือนกับนาคน้อยหลงเข้าไปอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนที่หาทางออกไม่ได้...หน้าตาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความสุขสมเลยสักนิด ยิ่งทำให้รพีพงศ์ยิ่งได้ใจ นาคินทร์นั้นอยากจะกลั้นใจให้ตายในบัดเดี๋ยวนี้  ให้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ก็หาตั้งสติกลั้นใจนั้นได้ไม่... รพีพงศ์กระแทกกระทั้นกายเข้าออกอยู่พักหนึ่งก็ปลดปล่อยสายน้ำขุ่นเข้าร่างบางอีกครั้ง  
ร่างกำยำนั้นหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอะไรอีก นาคินทร์ยังคงอึดอัดเพราะแกนกายใหญ่ยังแทรกอยู่ ในใจได้แต่เป็นกังวลว่าหากกนธีล่วงรู้เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร คิดไกลจนอยากจะตายหนีอายเสียดีกว่าให้ใครต่อใครมาตราหน้าว่าเป็น...นาคาสองผัว...แบบนี้ยิ่งนัก  
จนเวลาผ่านไปสักพักรพีพงศ์จึงยอมถอนแกนกายออกให้ นาคินทร์ที่ยังคงมีสติอยู่แต่ก็นอนตะแคงข้างนิ่งร่างกายไม่ไหวติงแม้จะสะอึกสะอื้นแต่ก็ไม่ได้รับการปลอบโยนใดๆ  เขาลุกเดินออกไปมองพระจันทร์สกาวแสงที่ริมหน้าต่างพักหนึ่ง ยามนี้รพีพงศ์กลับรู้สึกสับสนในใจยิ่งนัก ไม่นานก็เดินกลับมาหานาคินทร์นี่ยังนอนสะอื้นไห้เพียงลำพัง มือหนาลูบเส้นผมที่เหนียวไปด้วยเหงื่อชุ่ม แล้วก็พูดบางสิ่งกับนาคินทร์

สาปรัก 09 Nc






นาคินทร์เพียงโน้มลงบดเบียดริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากหนาที่เผยอปากคอยท่า ลิ้นร้อนทั้งสองต่างตวัดเกี่ยวพันไปมาสลับกับดูดดุนอย่างไม่มีใครยอมใคร กายหนาขยับกายนั่งพิงกับขอบอ่างขณะเดียวกันกายบางขยับเข้าขึ้นนั่งคร่อมตักของเทพมหาสมุทรซึ่งไร้อาภรณ์ปกปิด  ริมฝีปากยังคงมอบรสจูบแสนหวานให้กันและกัน นาคินทร์รับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนของกนธีที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ถึงแม้จะสบสนในใจแต่ติดกับด้วยพันธนาการรักของกนธีเสียแล้ว คงยากที่จะดิ้นหนีหลุดออกไปได้
‘จุ๊บ..จุ๊บ..’
ด้วยกนธีดูดเม้มริมฝีปากล่างแดงสดนั้นหนักหน่วง จนเกิดเสียงชวนเร้าอารมณ์ ก่อนจะผละออก สายตาคมคายเพ่งพินิจหน้าสวยหมดจดอย่างหื่นกระหาย เช่นเดียวกับนาคินทร์ที่กายใจนั้นพร้อมจะมอบความสุขให้กับอีกฝ่ายตามความต้องการ
กนธีขบกัดลงปลายคางนาคินทร์เบาๆ แล้วพรมจูบลงมาจนถึงลำคอขาว เทพมหาสมุทรบรรจงแต่งแต้มรอยรักสีกลีบดอกกุหลาบทีละรอยจนรอบคอระหง สร้างความเสียวซ่านจนร่างบางครวญเสียงหวานออกมาไม่หยุดหย่อน
“อ๊ะ..อย่า..า..กัดสิ..”
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พายุทะเลคลั่งมีหรือจบสงบโดยง่าย กนธียังคงขบกัดเบาๆ จนมีรอยฟันปรากฏขึ้นมา ลิ้นร้อนตวัดรอบบาดแผลจนนาคินทร์รู้สึกเจ็บระคนความเสียวกระสัน จนนิ้วงามต้องจิกลงบนบ่าของเทพพระสมุทรเพื่อระบายอารมณ์ใคร่นั้น กนธีมิได้หยุดอยู่ที่ซอกคอขาว พลางพรมจูบลงมาเรื่อยจนถึงแผงอกไล่ จนถึงยอดอกที่ชูชันขึ้นมาผ่านเสื้อตัวบางที่แนบเนื้อ กนธีไม่ลังเลที่จะลงปลายลิ้นตวัดหยอกเย้าสลับไปมาซ้ายขวา มือหนาสอดเข้าในสาบเสื้อลูบผ่านผิวลื่นเนียนตามเอวคอดขึ้นจนถึงยอดอกงาม
“อ๊า.า…อ่ะ…อ่าาา.า…”
เสียงครวญของนาคินทร์นั้นดังระงม กนธียังคงคลึงเล่นบนยอดอก แต่เปลี่ยนจากริมฝีปากมาเป็นนิ้วมือแทน  ยอดอกสีหวานแข็งเป็นไตด้วยแรงบดคลึงขยี้ขย้ำ จนร่างบางแอ่นอกรับเข้าหาให้เทพพระสมุทรได้สัมผัสอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับสะโพกมนก็บดเบียดกับแก่นกายยักษ์ใต้น้ำที่ขยายตัวพร้อม นาคินทร์พลางขยับตัวให้แก่นกายถูไถไปตามร่องก้นผ่านกางเกงนักศึกษาสีดำ
“อืม...ม..ม…”
กนธีครางเสียงพร่า ด้วยแก่นกายใหญ่ถูกบดเบียด  ใจร้อนรนด้วยตัณหา มือหนาเร่งเร้าปลดเข็มขัดกางเกงนักศึกษาสีดำนั้นพอหลวม แล้วรูดลงซิปกางเกง  ตรงเข้านวดเค้นส่วนอ่อนไหวของนาคินทร์ที่ตื่นตัวเสมอกัน
“อ่า.า....ท่านกนธี..อื้ม..หยุดก่อน”
มืออัศจรรย์ที่นวดเค้นสามารถนั้นเรียกเสียงครางหวานออกมาได้  เจ้าของกางเกงนักศึกษาสีดำตัวนี้รู้ว่า อาภรณ์นี้พึงเป็นอุปสรรคเสียจริง จึงร้องให้คนที่กำลังเล้าโลมหยุดเค้นก่อนชั่วคราว นาคินทร์จึงยืนขึ้นและถอดกางเกงพร้อมกางเกงชั้นในโยนออกไปให้พ้นทาง กนธีรวบคว้าเอวบางของเข้ามาใกล้จนส่วนอ่อนไหวด้วยแรงเค้นนี้จ่ออยู่ตรงหน้า  เพียงลิ้นชื้นไล่เลียที่ส่วนปลายเบาๆ ก็นำพาความเสียวซ่านให้ใจร่างบางนั้นเตลิดไกลจนแทบไร้แรงกายทรงตัวอย่างพญานาคาถูกจี้จุดไชสะดือเสียด้วยซ้ำ 
“งื้อ.อ….อื้ม.ม…อ่า.า….อ่ะ…อ๊ะ”
ด้วยตั้งแต่ร่วมประเวณีมีความสัมพันธ์ทางกายมาไม่รู้กี่ครา นาคินทร์ก็มิเคยได้รับการปฏิบัติจับสัมผัสอย่างนี้มาก่อน ทุกครั้งที่ร่วมเสพสังวาสด้วยเทพพระสมุทร  มักจะไร้ซึ่งความปราณี ทั้งยังรุนแรงและดุดันอยู่เสมอ  แต่ครานี้กลับทะนุถนอมกายบางเยี่ยงสิ่งมีค่า ไหนจะใช้ปากหยักลงครอบแก่นกายเข้าปรนเปรอดูดดุน เรียงเร้าเสียงครางให้ร่างบางจนมือบางสอดเข้าขยุ้มเกศาดำขลับเพื่อระบายตัณหาอารมณ์  ยิ่งร่างสูงตวัดลิ้นพร้อมกับเร่งเร้าขยับริมฝีปากบีบจังหวะขึ้นเรื่อยๆ  ทั้งแรงมือหนาขย้ำบั้นท้ายนิ่ม นาคน้อยก็พร้อมที่จะปลดปล่อยตัวตนให้ออกมาในไม่ช้านี้
“อ่ะ…อ่า.า…ท่านกนธี…ข้าจะปลดปล่อยแล้ว..อึก…”
นาคินทร์บอกเสียงสั่นหมายจะให้กนธีรีบถอนโพรงปากนั้นออกเสียก่อน  แต่คนทำนั้นหามีความรับรู้ไม่กลับเร่งแรงปากร้ายขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังใช้ฟันขบครูดท่อนเนื้อในโพรงปากหมายเพิ่มความเสียวกระสันเมื่อร่างบางใกล้ถึงจุดหมาย
“อ่า….า…..อ๊า.า…”
ในที่สุดนาคินทร์ปล่อยพิษรักเข้าไปในปากอุ่น  พระสมุทธกลืนกินหยาดเชื้อนาคาสีขาวขุ่นอย่างมิได้นึกรังเกียจ ถึงกระนั้นกนธีก็ไม่ลืมกลืนเข้าไปเสียหมด คงกักกั้นบางส่วนด้วยอมไว้ 
เมื่อละริมฝีปากออกแล้วรั้งกายร่างบางให้นั่งคร่อมตักตน มือหนาข้างหนึ่งดันศีรษะของนาคินทร์ให้มาซุกแผงอกกว้าง มืออีกข้างนั้นรองรับน้ำรักที่กนธีได้คายออกมา
“อึก..อื้อ…อ…”
นาคินทร์ที่แทบหมดแรงครางออกมาเบาๆ ยามนี้กนธีใช้น้ำรักในฝ่ามือประโลมป้ายไปที่ช่องทางสีหวาน นิ้วเรียวก็ลูบไล้ตามรอยจีบพับวนไปมา สัมผัสเบาแสนวาบหวามนี้ดึงเร้าดัชนีเทพที่สอดเข้าไปอย่างช้าๆ จนนาคน้อยกายกระตุกเกร็ง แม้จะผ่านสมรภูมิรักกับกนธีนับไม่ถ้วนครั้ง  เพียงร่างสูงขยับดัชนีเข้าออก แล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปเพื่อขยายช่องทางหมายให้รับแท่งร้อนที่พร้อมรบนั้น
“อ่า.า…ท่านกนธี…ข้า...ข้า...ทรมานเหลือเกิน..อ่ะ..อ่ะ”
นาคินทร์รู้สึกวูบวาบในช่องทางและช่องท้องอย่างทุกครั้งอย่าคนกระหายน้ำ  ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน ใจเพียงใคร่ปรารถนาได้สิ่งอื่นที่ไม่ใช้แค่ดัชนีของกนธี  เทพมหาสมุทรยกยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาก็นึกแกล้ง กนธีขยับนิ้วออกมาจนนาคินทร์รู้สึกโล่งที่ด้านหลัง
“ทรมานหรือ...”
“ใช่...วอนท่านโปรดเมตตาข้า”
“ถ้าเจ้าทรมานนัก ก็จงทำตามแต่ใจให้หายทรมานเสียสิ…นาคินทร์” 
ด้วยนาคน้อยนั้นรู้ดีในความกล่าวของพระสมุทร  สะโพกงามยกขึ้นเล็กน้อย  มือบางฉวยเอื้อมคว้าจับแท่งร้อนที่ชูชัน  ที่เจ้าของนั้นจ้องเพ่งพินิจใบหน้าสวยอย่างมิวางตาด้วยใจเต้นรัวระทึกด้วยท่าทางที่คนงามกำลังขับความใคร่ที่พวยพุ่ง เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่นาคินทร์จัดแจงด้วยตัวตน  ยามเมื่อส่วนปลายจ่อตรงเข้าที่ปากทาง จากที่เคยนึกว่าจะค่อยๆ กดกายลงนั่งรับให้แกนกายนั้นให้เข้าเยือนอย่างเคย แต่กลับนึกได้ว่าเมื่อครู่พระสมุทรได้ทำการกลั่นแกล้งตน ยามเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ ก็ต้องลองแกล้งทรมานใจเอาคืนเสียบ้าง  เจ้านาคน้อยช่างมิได้เกรงกลัวในกนธี
เมื่อปลายทวนสัมผัสด้วยรอยพับจีบ นาคินทร์ก็หยุดลดกายลงเสียอย่างนั้น แต่กลับโยกมือให้ปลายแกนกายที่กอปรกำเสียดสีสัมผัสไปมากับปากทางเข้า  ความเสียวสะท้านวิ่งผ่านจากสัมผัสปลายทวนสู่ร่างกายที่กำยำอย่างเป็นที่สุด ยามอยากเข้าก็ไม่ได้เข้านี่ นาคินทร์กำลังทำอะไร ด้วยแปลกใจกับลีลารักของนาคน้อย
“อ๊า..า..นาคินทร์นี่เจ้ากำลังทำอะไร  หมายจะทรมานข้าหรือ..?”
“อ้า ท่านมิชอบหรือ...”
“เปล่า...แต่ยามนี้ ข้าอยากเข้าไปในกายเจ้าแล้ว  นั่งลงมาเถิดคนดีให้ข้านี้ได้เข้าไปอย่างเช่นเคย...”
คำวอนแสนหวานจากพระสมุทรมีหรือที่นาคน้อยจะกล้าขัด ด้วยใจนี้เป็นของเขา กายก็ของเขา  นาคินทร์ก็หยุดโยกทรมานแกนกายเพื่อเร้าสัมผัส แล้วค่อยๆ ลดกายลงรับความหฤหรรษ์นั้นเข้าไป  
“อ้า...เจ็บ..”
ก็เจ็บเช่นนี้เสียทุกครั้งอย่างเสียงร้อง  แต่นาคินทร์ไม่เคยที่จะไม่สุขสมด้วยความเจ็บนี้  เมื่อกลืนกินกายพระสมุทรเพียงครึ่งความยาว  กนธีกลับแกล้งกระแทกสวนแทรกแกนกายตนเข้าไปในคราวเดียวให้เสียสุด  ความเจ็บที่แสนหวานนั้นนาคินทร์หมายรองรับด้วยพอใจ
…ทั้งจุก…ทั้งรู้สึกดี 
ร่างบางยังนั่งคร่อมตักนิ่งๆ สักพักพอให้ร่างกายได้ปรับตัว ก่อนจะเริ่มโยกตัวขึ้นลงอย่างช้าๆ แล้วเร่งจึงไต่ระดับความเร็วอย่างเอาแต่ใจ  มือเล็กนั้นกดลงที่ลาดไหล่ทั้งสองของกนธีเพื่อยึดมั่นไว้  มือสากใหญ่ข้างหนึ่งจับมั่นไว้ด้วยเอวเล็ก  ส่วนอีกข้างให้นิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของนาคินทร์ออกแล้วจึงโยนไปให้ไกลห่าง เพียงโน้มใบหน้าลงลากลิ้นสัมผัสผ่านกลางอก ดูดเม้มสร้างรอยราคีพรมทั่วไป
“อืม…อ่า.า…อ่ะ..อ๊ะ…อ๊า.า….”
“อืม...ม...เก่งจริงๆ…นาคินทร์  เจ้าเก่ง...”
เสียงครางระงมสัปดนของทั้งสองดังลั่นห้องน้ำพร้อมกับเสียงสายน้ำกระเซ็นออกนอกอ่าง เพราะจังหวะการโยกกายของนาคินทร์นั้นอยู่ในสายตาของกนธีตลอดเวลา ยามนี้คนงามมิได้ต่างอะไรกับนางกินรีที่กำลังเริงเล่นน้ำในสระอโนดาตเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นภาพที่น่ายลยิ่งนัก
เมื่อร่างบางคุมเชิงศึกสังวาสไปสักพัก ถึงกายบางจะเริ่มอ่อนกำลังแต่ใจนั้นมีความต้องการอย่างล้นเหลือ กนธีเองก็เหมือนจะรับรู้ได้เหมือนเช่นกัน จึงประคองร่างนาคินทร์ให้เอนลงนอนหงายหลังช้าๆ ส่วนกายท่อนล่างยังคงเชื่อมติด มือหนาเอื้อมคว้าเข็มขัดนักศึกษาของนาคินทร์ที่อยู่ใกล้ แล้วใช้ผูกมัดข้อมือบางติดไว้กับราวจับข้างอ่างน้ำอย่างรู้ใจ เพียงแทรกกายเข้าหาให้สุดทางอีกครั้งแล้วดันขาเรียวให้ชิดแนบอก  ไร้ซึ่งแรงต้านทานใดๆ ท่วงท่านี้ทำให้นาคินทร์อึดอัดภายในอย่างเป็นที่สุด
“อ๊า.า…อ่ะ…อื้อ..อ….อ่า.า…” “ชอบหรือไม่  พอใจในสิ่งที่ข้าทำหรือไม่...”
ร่างกายที่กระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างหนักหน่วงและรวดเร็วนั้น มันทำให้คนใต้ร่างที่กำลังมีความสุขจุกล้นเสียจนจะพูดจาอะไรออกมาก็มิได้  แต่เพียงแลเห็นสีหน้าที่เป็นสุขทุกการกระทำก็เข้าใจ เร่งประคองแรงส่งและบทรักที่ตนมอบให้จนสุดทาง  ฟันคมขบกัดไปตามบ่าหนาและไหปลาร้าจนเลือดซิบ กายบางสั่นสะท้านด้วยแรงกระแทกนั้นอย่างต่อเนื่อง เขาชอบใจที่จะถูกมัดข้อมือทุกครั้งที่ร่วมรักกับกนธี  ไม่ว่ากายหนานั้นจะกระทำรุนแรงใส่…นาคินทร์อิ่มเอมกับทุกบทรักที่ทรมานเขาเสียทุกครั้ง
“อืม…อ้า…ข้างในเจ้ามันร้อนลื่นเสียจนข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ”
ทุกครั้งที่ส่งแก่นกายใหญ่เข้าไปสำรวจส่วนเร้นลับที่ทั้งร้อนและอ่อนนุ่ม  ก็จะถูกแรงตอดรัดถี่ที่เกิดขึ้นภายใน ยามที่เขาเสือกกายกระแทกเข้าไปตรงจุดสัมผัสกระสัน  มันก็ทำให้นาคินทร์นั้นครวญครางแทบบ้าคลั่ง  สายน้ำภายในอ่างรักก็ไม่สามารถจะดับความร้อนรุ่มภายในใจได้ 
“อ้า...อ่ะ......อ้า.....เสียว..ว…อื้อ..อ.....”
‘พั่บ..พั่บ..พั่บ’ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นเคล้ากับเสียงสายน้ำที่ล้นกระจายออกเป็นวงกว้าง บ่งบอกความหนักหน่วงที่เกิดขึ้นกับทั้งสอง ทั้งฝ่ายกระทำที่สอดแทรกความเป็นชายในกายเล็กอย่างไม่ออมแรงและฝ่ายถูกกระทำใต้ร่างที่ยกสะโพกรับทุกแรงส่งที่มอบให้อย่างตั้งใจ “อ่า…อ่ะ…อ่ะ…อ๊ะ….มะ…ไม่ไหว…ข้าไม่ไหวแล้ว...”
ร่างบางกระตุกเกร็งด้วยแก่นกายเล็กปลดปล่อยหยาดน้ำรักออกมาปะปนกับสายน้ำในอ่างอย่างไร้การสัมผัสใดๆ  กนธีเองด้วยอารมณ์ที่พุ่งทะยานถึงขีดจำกัดจึงเร่งจังหวะรักจนสุดถึงจุดหมาย  ปลดปล่อยหยาดเชื้อสีขุ่นแห่งพระสมุทรเข้าไปภายใน นาคินทร์รู้สึกอุ่นวูบวาบในช่องทางด้านหลัง  
ทั้งกนธีและนาคินทร์พักหอบหายใจถี่สักพัก ก่อนมือหนาจะแก้มัดให้นาคินทร์แล้วประคองกายบางเข้าสวมกอดโดยที่ไม่คิดจะถอนแกนกายใหญ่ที่แสนจะอึดอัดนั้นออกไปแต่อย่างใด

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

LAST LOVE 16 (KrisYeol)










สายตาคมทอดมองมาที่ผิวกายเนียนที่กระทบกับแสงจันทร์ มันทำให้เลือดในกายของอี้ฟานสูบฉีดเป็นอย่างดี มือแกร่งจับข้อมือเล็กตรึงไว้เหนือหัว แล้วหยิบเนคไทน์มามัดตรึงเอาไว้กับเตียง

"ฟ..ฟานจะทำอะไร" ชานยอลตาเบิกโพล่ง มือทั้งสองขยับไปมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

"แกล้งยอล" อี้ฟานแสะยิ้ม แล้วโน้มหน้าประกบริมฝีปากหวาน ลิ้นไล่ชิมความหวานที่ยิ่งได้ลิ้มรสมันก็ยิ่งเสพติด

ตอนนี้เรียกได้ว่าอี้ฟานกำลังใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5อย่างครบครัน ตามองคนใต้ร่าง หูฟังเสียงกระเส่า จมูกซุกไซร้สูดกลิ่นหอม ลิ้นควานหาความหวาน มือก็สัมผัสร่างกายคนรัก ที่จริงต้องบอกว่าใช้สัมผัสทั้งหกมากกว่า เพราะอี้ฟานใช้ใจกับชานยอลด้วย

"ฟาน อย่าทำตรงนั้น" ชานยอลร้องห้าม เมื่อมืออีกคนกำลังกอบกุมส่วนอ่อนไหวของตนเองเอาไว้

"จะห้ามทำไมครับ ยอลชอบไม่ใช่เหรอ" มาเฟียเจ้าเล่ห์พูดพร้อมตีหน้านิ่ง มือก็เริ่มรูดรั้งกลางกายชานยอลจนแข็งขืน

"อ่ะ..ฟาน..น...อ่า.า...." เสียงครางหวานร้องออกมาอย่างทรมาน ร่างกายพยายามขยับแต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะโดนมัดเอาไว้

"ยอล..ล....รู้สึกดีมั้ยครับ" อี้ฟานเอานิ้วมือกดไปตรงส่วนปลาย

"ฟาน..ยอลทรมาน..อึก" ชานยอลน้ำตาซึมเล็กน้อย ร่างกายบิดเร้าไปมา สะโพกยกขึ้นจากเตียงนุ่ม ขาทั้งสองขยับไปมาจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่

"อ้อนฟานสิ แล้วฟานจะช่วย" อี้ฟานเอานิ้วมือลูบวนจนน้ำปริ่มออกมา

"ฟาน..น.น.....กระแทกยอลที"

"เมียขอมา ฟานไม่ขัดนะ"

ร่างสูงจัดการจับขาชานยอลมาพาดบ่า มือก็แก้มัดให้ชานยอล แล้วจ่อแก่นกายตัวเองถูไถไปที่ปากทางสีชมพูของชานยอล

"อ่า..า.....ฟาน.น..น...." ชานยอลยกสะโพกขึ้นมา อย่างรู้หน้าที่ อี้ฟานจึงแทรกแก่นกายเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะช่องทางยังมีน้ำรักจากการร่วมรักก่อนหน้านี้ที่พอจะช่วยหล่อลื่นบ้าง

"ซี้ด..ดดดด....อ่า.า....ของยอลแน่นมาก" ร่างสูงครางพร้อมกระแทกช้าๆแต่เน้นจุดเสียวจนร่างโปร่งสะดุ้ง

"อ๊ะ...ต..ตรงนั้นนน"

"ตรงนี้เหรอ?" อี้ฟานแกล้งถาม แล้วกระแทกจุดเสียวแรงกว่าเดิม

"อ่า.า...อ๊...อ๊ะ..อ่า.า...ฟาน.น....น.."

"อ่า..า.....ส์"

"แรงอีก..อื้ออออ...." ชานยอลร้องขอเสียงหวาน ก่อนจะร้องอีกครั้งด้วยความตกใจ อยู่ๆอี้ฟานก็พลิกตัวชานยอลให้นั่งโดยที่อี้ฟานนอนยิ้มอยู่

"ฟานไม่รู้ยอลชอบแรงขนาดไหน ฟานเลยให้ยอลคุมเกม" อี้ฟานเอ่ยแถมยังตีหน้าซื่อ เล่นเอาชานยอลหน้าแดง

"อื้อ..อ.."

ชานยอลพยักหน้าแล้วเริ่มขย่มร่างสูง มือเรียวค้ำยันที่หน้าท้องแกร่งของคนรัก ชานยอลเริ่มจากขยับตัวช้าๆแล้วเร่งจังหวะเร็วขึ้น..เร็วขึ้น เสียงครางเคล้าคลอปนกันก้องห้องจากความเสียวของแก่นกายที่เข้าออกในช่องทางนุ่ม

"ฟาน..น....ยอล..ไม่ไหวแล้ว" ชานยอลเอ่ย ตากลมโตทั้งสองของตนเองก็แทบจะปิด

"ปล่อยพร้อมกันนะ..อ่า.า.." อี้ฟานเอ่ย แล้วกระแทกแก่นกายสวนเข้าไป จนร่างโปร่งโยกคลอน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังออกมาบ่งบอกถึงความรุนแรง

"อ๊าาาาา..." ชานยอลปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องของอี้ฟาน เช่นเดียวกับที่อี้ฟานที่ปลดปล่อยน้ำรักเข้าสู่ชานยอลเป็นรอบที่สาม








กลับไปหน้าเดิม.......http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1283748&chapter=18