วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

SF : 2 heart 2 moon คริสยอล ky

SF : 2 heart 2 moon


แต่งมาเพื่อแก้บนเนื่องจากคริสยอลมีโมเมนต์ในปีนี้ ปี2018








ดวงใจฟินิกซ์

ปัจจุบันแม้สิ่งต่างๆรอบกายจะมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าสมัยก่อน ทั้งคอยอำนวยความสะดวกสบายทำให้หลายคนมีความสุข ทว่ามันก็ไม่ได้ตอบสนองความสุขทั้งหมดที่มนุษย์ต้องการโดยเฉพาะความสุขทางกามารมย์ นั่นคือที่มาของอาชีพที่ให้ความสุขเรียกอีกชื่อว่า…ขายบริการ

งานขายบริการมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างหลังไม่ใช่ว่าจะเพิ่งมีแต่มีมานานแล้ว…ความเป็นคนไม่ว่าจะสมัยไหน ยุคไหนก็หาได้แตกต่าง รสนิยมทางเพศก็เช่นเดียวกันหากจะต่างก็คงจะต่างตรงที่สมัยนี้เปิดเผยมากกว่า

เขียนกันมาจนแทบยืดเยื้อ คุณคงจะเดาออกแล้วสิท่าว่าเรื่องราวมันต้องเกี่ยวกับอะไร ไม่ต้องพูดออกมานะ เก็บไว้ในใจ…เพราะมันเป็นเรื่องราวแสนโรแมนติกเลยล่ะ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ณ เมืองอึนพา หนึ่งในเมืองท่าของแคว้นฮาพยอล เมืองซึ่งนำความเจริญเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเมืองหน้าด่านค้าขายกับพวกต่างแคว้นหรือจะเป็นที่พักผ่อนให้กับผู้ที่ต้องการผ่านทางเข้าไปยังเมืองหลวง แน่นอนว่าผู้คนมากมายทั้งชาวเมืองหรือต่างแดนทำให้อึนพาเป็นนครที่ไม่เคยหลับใหล ถ้าถามว่าเพราะเหตุใดคำตอบมันง่ายมากถ้าคุณมาอยู่ที่นี่สักสองวัน ไม่สิ แค่หนึ่งวันก็จะได้คำตอบ

กลางวันจะเป็นการค้าขายทั่วไปไม่ว่าผ้าไหม ผ้าแพร ผ้าทอของชนเผ่า ของป่า หินสี ลูกปัด รวมทั้งของกินไม่ว่าจะเนื้อสัตว์จากแห่งหนตำบลใดล้วนมาขายบ้างประมูลสินค้า พอแสงอาทิตย์เลือนหายตลาดวายไร้ผู้คนกลับมีตรอกเพียงตรอกเดียวที่จะแขวนโคมไฟเอาไว้หน้าตัวหอไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่เรียงรายคล้ายสำนักอะไรบางอย่าง หากโคมไฟมีเพียงสองสีเท่านั้น

…สีแดงคือหอคณิกาของหญิงงาม
…สีม่วงคือหอคณิกาของบุรุษหน้างามไม่ต่างจากอิสตรี

บุรุษเจ้าสำราญพอตกค่ำก็ต่างกรูเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพ คุณชาย เศรษฐี ชาวบ้านร้านตลาดหนุ่มหรือแก่ต่างย่างกรายเข้ามายังหอคณิกาที่ถูกใจทั้งนั้น แต่หอที่ได้รับความนิยมอยู่มากโขคงจะเป็น…หอคณิกาชายยูซองโดยเฉพาะในช่วงนี้ยิ่งมีผู้คนเข้ามาเยอะไม่ต่างฝูงผีเสื้อกระพือปีกมาดอมดมบุปผาหอม

“ชานยอล…เจ้าเร่งแต่งตัวเข้าสิลูกค้ารอเจ้าอยู่มากโข”

“ขอรับนายแม่” ชานยอลตอบรับก่อนจะมองตนเองผ่านกระจก ใบหน้างามด้วยผิวขาวไข่มุกตัดด้วยคิ้วและดวงตาสีดำสนิท ริมฝีปากแดงอิ่มรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ยิ่งเกศายาวสยายถูกรวบไว้เพียงครึ่งศีรษะปักปิ่นตรงมวยผมยิ่งทำให้งดงาม เมื่อยืนขึ้นปล่อยให้ชุดคลุมผ้าแพรทิ้งตัวทำให้เห็นว่างร่างของชานยอลสูงโปร่งและบอบบางเพียงใด

“ชานยอลมาแล้ว…ชานยอล…” ทันทีที่ชานยอลออกจากหลังม่านเสียงเรียกขานนามของเขาก็ดังก้อง ชานยอลทำได้เพียงยิ้มออกมามาทีละน้อยและนั่งลงประเครื่องดนตรีประจำกาย ก่อนที่นิ้วเรียวจะดีดพิณ ริมฝีปากขยับเปล่งเสียงร้องออกมาให้เหล่าบุรุษเพศที่เต็มไปด้วยกามาได้ฟังกัน

เพลงที่ชานยอลเลือกเล่นหาใช่เพลงสนุกครึกครื้นเหมือนครั้งก่อน มันเป็นเพลงช้าบ่งบอกอารมณ์ของชานยอลได้เป็นอย่างดีว่าหลังจากเที่ยงคืนนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

เริ่มต้นเดิมทีชานยอลมาที่นี่เพราะถูกซื้อตัวตอน 9 ขวบ บิดาของเขามิสามารถเลี้ยงดูได้จึงนำตัวเขาเร่ขายเป็นทาสจนมาเจอนายแม่ยอนฮวา งานแรกที่ได้ทำคืองานคนใช้คอยดูแลพวกคณิกาชายในสมัยนั้น จนเวลาล่วงเลยไป 3 ปี ยอนฮวาได้ให้ชานยอลฝึกมารยาทต่างๆ การเอาอกเอาใจลูกค้า ฝึกเล่นเครื่องดนตรีและเริ่มออกมาแสดงต่อหน้าผู้คนเมื่ออายุ 14ปีจนถึงเวลานี้อายุของชานยอล 16 ย่างเข้า 17 ในวันรุ่งขึ้น

‘อึก…รู้สึกไม่ดีเลย’ ขณะดีดพิณอยู่นั้น ชานยอลรู้สึกหน้ามืดจนล้มลง หากก่อนจะสิ้นสติเขาได้ยินผู้คนตะโกนเรียก ถามไถ่อาการรวมถึงคำตอบของนายแม่ของเขา

“ชานยอลคงจะตื่นเต้นกับงานพรุ่งนี้ เลยไม่ค่อยได้พักผ่อน” สิ้นคำตอบของนางคนในร้านต่างหัวเราะและมองชานยอลราวจะกลืนกินให้สิ้นกระดูก

ชานยอลถูกนำตัวไปยังห่องพักส่วนตัวสำหรับนายคณิกาผู้มีชื่อเสียง ร่างโปร่งนอนเหยียดอยู่บนเตียงกว้างอย่างไร้สติ โดยหาได้ระวังตัวว่ามีฝีเท้าของใครย่างก้าวเข้ามานั่งลงบนเตียง ฝ่ามือยกขึ้นมาลูบผมของชานยอลอย่างเบามือ

“ตื่นขึ้นมาเถิด นกน้อยของข้า” เพียงกระซิบเท่านั้น เปลือกตาของชานยอลก็เปิดออก

“ทะ…ท่านอี้ฟาน” ชานยอลเร่งลุกขึ้นนั่งแล้วเข้าสวมกอดชายหนุ่มอีกคนโดยไว

“กอดรัดข้าเสียแน่น กลัวข้าหายไปจากเจ้าหรือไร เจ้านกน้อย” อี้ฟานเอ่ยถามหากเขาก็ทำมิต่างจากอีกฝ่าย แขนแกร่งเข้ากอดรัดทั้งขยับกายเข้าหาจนแนบแน่น

“ข้ากลัว..กลัวเหลือเกินท่านอี้ฟาน วันพรุ่งข้าจักต้องทำหน้าที่เป็นคณิกาเต็มตัว ข้ากลัว..ฮึก..กลัว”ชานยอลเอ่ย ตามกฏของหอคณิกานี้เมื่ออายุครบ 17 ปีบริบูรณ์คณิกาชายผู้นั้นจะถูกออกนำมาประมูลเปิดความบริสุทธิ์ นั่นเป็นสิ่งที่ชานยอลไม่อยากให้มาถึงแต่เวลามันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้ ดวงตากลมโตมองผ่านขนตายาวชุ่มน้ำตา น่าสงสารเหลือเกิน…อี้ฟานคิดในใจก่อนจะโน้มไปหน้าจรดริมฝีปาดลงหน้าผากเนียน

“เจ้าคิดจะทำเช่นไร…บอกข้ามา”

“ท่านพาข้าหนีออกไปได้หรือไม่ ข้าอยากไปจากที่นี่ ข้าอยากอยู่กับท่าน” ชานยอลตอบไปตามใจคิด เขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่ ไม่ต้องการให้ตัวเองต้องโดนบุรุษนับร้อย มากหน้าหลายตาคอยชำแรกร่างกายกอบโกยความสุขบนความทุกข์ของตน อีกทั้ง…ชานยอลหลงรัก อี้ฟาน ชายลึกลับที่มาหาเขาทุกคืนวันเพ็ญ

“อยากอยู่กับข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าอาจจะลำบากก็เป็นได้ อีกอย่างเจ้ารู้จักข้าดีแล้วหรือถึงได้ไว้ใจข้า” อี้ฟานถามย้ำน้ำเสียงจริงจังเพราะอยากให้คนในอ้อมกอดคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

“ข้าขอยืนยัน ข้าต้องการไปกับท่านไม่ว่าท่านจะให้ข้าเป็นทาสรับใช้ข้าก็ยอม ข้ายินดีที่จะอยู่กับท่าน ได้โปรดเถิดหนา ท่านอี้ฟานพาข้าออกไปจากที่นี่เถิด” ไม่พูดเปล่าชานยอลลุกออกจากเตียงลงมานั่งคุกเข่าลงบนพื้น หากอี้ฟานไม่ยอมให้ร่างโปร่งทำเช่นนั้นจึงรีบประคองกายชานยอลให้นั่งบนตักของตนแทน

“เจ้ามิสบายมิใช่หรือ อย่าได้นั่งคุกเข่าให้ทรมานกายเลย…เอาเป็นว่าข้าสัญญาวันพรุ่งข้าจะมารับตัวเจ้าไปอยู่กับข้า แต่…ข้าขอรางวัลมัดจำเจ้าได้หรือไม่ว่าวันพรุ่งเจ้าจะไม่เปลี่ยนใจ” อี้ฟานเอ่ยก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ เจ้านกน้อยมีหรือจะตามทันในแผนการจึงพยักหน้างึกงักไม่รั้งรอ

นิ้วชี้และนิ้วกลางยาวเชยปลายคางของชานยอล ดวงตาคมจ้องมองจนหัวใจของชานยอลสั่นสะท้าน ทั้งยังผุดคำถามว่าอี้ฟานต้องการกำลังทำอันใดหรืออยากจะเล่นเกมจ้องตาเท่านั้น ทว่าไม่นานชานยอลก็ได้รับคำตอบจาก ‘ปาก’ ของอี้ฟาน

ริมฝีปากหนาเข้าประกบริมฝีปากนิ่มก่อนจะถ่ายทอดความอบอุ่นแสนวาบหวิวเข้าไปในโพลงปากโดยมีลิ้นคอยสอดแทรกเข้าไป ชานยอลชะงักจนตัวแข็งทื่อเมื่อจูบแรกถูกอี้ฟานฉกฉวย หากเด็กหนุ่มยินดีจึงใช้ปลายลิ้นตวัดต้อนรับเลียนแบบอี้ฟานที่ทำกับตน รสจูบที่ชานยอลพยายามมอบให้แม้จะบ่งบอกว่าอีกฝ่าบอ่อนประสบการณ์แต่นั่นนับเป็นเรื่องดี…อี้ฟานต้องการมอบครั้งแรกให้กับชานยอล

“อืม…” เสียงครางดังในลำคอด้วยความพอใจ อี้ฟานรีบผละริมฝีปากออกเพื่อปล่อยให้เจ้าของแก้มขาวที่เห่อแดงเพราะ…เหตุผลที่ทุกคนรู้กันได้สูดลมหายใจ

“ท่านอี้ฟาน…เหตุใด…ทะ…”

“ชู่…ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด ราตรีนี้เจ้านอนเสียเถิดเก็บแรงของเจ้าเอาไว้เผื่อวันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้เจ้าต้องใช้แรงอีกมาก” ดัชนีจรดริมฝีปากเป็นสัญญาณให้หยุดพูด ก่อนจะเอ่ยให้อีกคนทำตามตน ชานยอลพยักหน้าแล้วลุกจากตักกว้างไปนอนบนเตียงของตน

…‘นกน้อยของข้า…ไม่ว่าเพลาใดเจ้ายังคงเป็นเด็กดีสำหรับข้าอยู่เสมอ’…

*****

ผืนหนังหน้ากลองถูกตีให้เกิดเสียงเป็นจังหวะให้กับเครื่องดนตรีชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็นปี่ ขลุ่ย หรือแม้แต่พิณเอง หากในวันนี้ผู้เล่นพิณมิใช่ชานยอลอีกต่อไป

“แม่หญิงยอนฮวา เมื่อใดชานยอลจะออกมาเสียที” ชายขี้เมาผู้หนึ่งเอ่ย ตาจับจ้องไปด้านหน้ารอคอยว่าหนุ่มงามล่มเมืองจะแสดงตัวเมื่อใด

“รออีกสักครู่เถิด ประเดี๋ยวท่านจักได้เห็นชานยอลสมใจท่าน ถึงเพลานั้นท่านจงเตรียมเหรียญประมูลชานยอลให้จงได้”

ขณะที่ภายในร้านครึกครื้นเพราะผู้คนมากมายต่างเข้ามาในงานประมูลตามที่หอคณิกายูซองได้ปิดประกาศไว้เมื่อก่อนหน้านี้หลายคนมาเพื่อร่วมประมูลและหลายคนมาเพียงดูเท่านั้น

“พี่ชานยอล…วันนี้พี่งามที่สุดเลย งามยิ่งกว่าวันไหนๆ” หนุ่มน้อยคยองซูผู้เปรียบดั่งน้องในไส้กล่าวชมพี่ชายคนสนิท จักไม่ให้คยองซูกล่าวชมได้อย่างไร คนตรงหน้าสวมชุดคลุมสีงาช้างปักลายขนนกสีเงิน ผมนั้นถูกรวบไว้ครึ่งหัวเช่นเดิมหากมวยผมมีปิ่นประดับไข่มุกเม็ดงามเรียงราย

“พี่ชานยอลจ๊ะ คยองซูขอโทษนะจ๊ะ” คยองซูเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าแพรสีขาวคลุมใบหน้าของชานยอลไว้ ซึ่งเป็นประเพณีของหอยองซูที่ผู้ถูกประมูลจะถูกปิดบังใบหน้าไว้จนกว่าจะถูกนำตัวส่งให้ผู้ประมูลเอง

“คยองซู…พี่ขอกอดเจ้าหน่อย” ชานยอลเอ่ยออกมาน้ำเสียงสั่นเครือจนผู้ฟังรับรู้ได้ คยองซูไม่รอช้าจึงเข้าสวมกอดโดยไว

“ทำใจให้สบายเถิดหนา ข้าเคยถามพี่ซูโฮมา พี่ซูโฮบอกว่ามันไม่เจ็บมากดอก” คยองซูพูดปลอบ ใครว่าชานยอลกังวลเรื่องนี้กันเล่า สิ่งที่เขาเศร้าใจนั้นคืออี้ฟานผิดสัญญาไม่ยอมพาตนหนี…ชานยอลรอคอยมาทั้งวันจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่ผู้คนจะแย่งชิงกันเพื่อได้สัมผัสความบริสุทธิ์จากชานยอล

“ชานยอล นายแม่บอกให้ลงไปได้แล้ว” ซูโฮเปิดประตูออกแล้วบอกคำสั่งให้ผู้ที่รออยู่ในห้อง

“ไปกันเถอะพี่ชานยอล ข้าจะพาพี่ไปเอง” คยองซูประคองร่างที่สูงกว่าตนก่อนที่ซูโฮนั้นจะตามเข้ามาช่วยนำทางชานยอลลงไปด้านล่าง

“มาแล้วๆๆ ชานยอลมาแล้ว…เฮ้!!!!” ผู้หมายปองร้องดังขึ้นมาเมื่อชานยอลก้าวบันไดลงมา เสียงโหวกเหวกร้องเรียกขานพาลให้ชานยอลหมาดกลัว

ชานยอลถูกนำตัวมานั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าซึ่งตั้งอยู่บนพื้นยกสูงเพื่อให้ชายชาตรีทั้งหลายได้ยลโฉม แม้จะไม่ได้เห็นหน้า หากชานยอลสามารถปลุกความอักขระในกายของคนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

“เอาล่ะค่ะ…ทุกคนเงียบก่อนนะคะ ประเดี๋ยวฉันจะประกาศเงินค่าตัวขั้นต้นของชานยอลให้ทุกคนได้ฟังกัน” นางยอนฮวากล่าว ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบเพื่อฟังนายหญิงแห่งยูซองพูดต่อไป

“ค่าตัวของชานยอลเริ่มต้นที่…60 ยาง” สิ้นประโยคทุกคนต่างตกใจก่อนจะซุบซิบกันเพราะไม่คิดว่าค่าตัวของชานยอลแพงขนาดนี้ อย่าว่าแต่คนประมูลเลยชานยแลก็เช่นกัน ทว่าชานยอลก็รู้สึกดีที่ค่าตัวของตนสูงเพราะเท่ากับว่าจะไม่มีคนทุ่มเงินซื้อตัวเขา

“70 ยาง” ชานยอลดีใจได้ไม่นานเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นดับฝันของร่างโปร่งเสียนี่

“คุณชายคิมประมูล 70 ยางนะคะ” ยอลฮวายิ้มกว้าง หล่อนคิดไม่มีผิดว่าชานยอลเป็นตัวทำเงินสำหรับเธอชัดๆ

“75 ยาง!!”

“80 ยาง!!!”

“100ยาง!!!!” ราคาค่าตัวของชานยอลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจำนวนเงินที่ไม่มีใครเคยจ่ายเท่านี้มาก่อน

“คุณชาย…เอ่อ คุณชายมาใหม่สินะคะข้ามิเคยเห็น มีใครจะเสนอราคามากกว่านี้อีกหรือไม่ ข้าจะนับ1-3เท่านั้น 100ยางครั้งที่ 1 100ยางครั้งที่2 100 ยางครั้งที่ …”

“500 ยาง!!!!” น้ำเสียงแสนคุ้นหูดังแว่วขึ้นมา หากชานยอลที่ตกอยู่ในความคิดของตนจึงมิอาจจะได้ยินว่ามีใครคนหนึ่งได้มาเยือน

“500 ยางหรือ ท่านอย่ามาล้อข้าเล่นเลย” เงินจำนวนมากแม้แต่มหาเศรษฐียังไม่คิดจะจ่าย ชายหนุ่มรูปงามนี้เป็นใครจึงได้คิดมาโป้ปดหรือว่าต้องการขัดขวางการประมูล…

“ข้ามิได้ล้อเล่น นอกจากข้าจะให้เงินเจ้า 500 ยางแล้ว ข้านั้นขอมอบทองคำแท่งให้กับเจ้าเพิ่มอีกด้วย” ชายนิรนามโยนถุงเงินรวมถึงกล่องไม้ที่ภายในบรรจุทองคำแท่งให้กับยอลฮวา

“มีใครในที่นี้จะสู้ราคาคุณชายท่านนี้อีกหรือไม่” ยอลฮวาเอ่ยถามแขกเหรื่อท่านอื่น ต่างก็เงียบกริบไม่มีใครหาญสู้ราคา

“ความบริสุทธิ์ชานยอลของเป็นของท่านแล้ว เชิญท่านนำตัวชานยอลไปได้..ใส่วนแขกท่านอื่นเรายังมีคณิกาอีกมายเชิญเลือกซื้อกันได้เจ้าค่ะ” ยอลฮวาบอกกับชายหนุ่มและบรรดาลูกค้า ชายหนุ่มผู้ชนะการประมูลจึงอุ้มชานยอลที่นั่งตัวแข็งทื่อขึ้นมา

‘ท่านอี้ฟาน ท่านจะปล่อยให้ข้าถูกชายอื่นย่ำยีหรือ’ ชานยอลนึกน้อยใจระคนเสียใจหากทำได้เพียงกลั้นสะอื้นแต่มิอาจกลั้นหยาดน้ำตาให้ไหลอาบแก้มได้

‘ฟึบ’ ร่างกายของชานยอลถูกวางลงบนเตียงกว้าง ชานยอลนั่งกำหมัดแน่นเพราะความอึดอัดใจ…ก่อนที่มันจะกลายเป็นน้ำตาหยดลงกำปั้นนั้น

“เสียใจมากหรือ…นกน้อยของข้า” อี้ฟานนั่งคุกเข่าลงมือนั้นยื่นขึ้นไปจับผ้าคลุมใบหน้าให้เปิดออก

“ท่านอี้ฟาน…ฮือ…คนใจร้าย..ฮือ…” ชานยอลร้องไห้มือกำหมัดทุบจตีไปที่แขนและบ่าของคนตรงหน้า

“ข้าใจร้ายกับเจ้าเช่นไร ไหนเจ้าจงบอกข้าให้แจ้งใจเถิดหนา” อี้ฟานไม่คิดโกรธอีกทั้งยังปล่อยให้ชานยอลทุบตีตนต่อไป

“ท่านทำให้ข้ากลัว….ทำให้ข้ารอ ท่านรู้หรือไม่ว่าทรมานใจข้าเป็นหนักหนา”

“ข้าอยู่นี่แล้ว…ข้าอยู่นี่ เจ้าอย่าร้องไห้เลยชานยอล ข้ารักเจ้ามากแทบล้นอก จึงมิมีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ช่วยเจ้า” อี้ฟานเข้าสวมกอดเอวบางไว้แน่นแล้วจึงเอ่ยความในใจ ด้านชานยอลพอได้ยินคำว่ารักความเศร้านั้นได้หายไปทันที

“ท่านรักข้าหรือ…” ชานยอลถามย้ำ เขาต้องการฟังคำว่ารักอีกครั้ง

“ใช่…ข้ารักเจ้าแล้วเจ้าล่ะรักข้าหรือไม่”

“รัก…ข้ารักท่าน ท่านอี้ฟาน” ชานยอลเป็นฝ่ายความบอกความในใจบ้าง ทำให้อี้ฟานยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าใจสองตรงกัน

“เช่นนี้แล้วข้าจะเป็นผู้มอบครั้งแรกให้กับเจ้าเอง…ชานยอล” อี้ฟานเอ่ย มือหนาดันกายของชานยอลให้นอนราบ หากถูกมือเรียวคว้าข้อมือไว้

“ไม่…วันนี้ท่านผิดสัญญา ท่านไม่พาข้าหนี ข้าจักไม่ให้ท่านได้ทำสิ่งใดกับกายข้า” ชานยอลเอ่ยใบหน้าบึ้งตึง ทว่าในใจนึกขำเพราะสามารถแกล้งคนรักได้

“ถ้าข้าพาเข้าหนีเจ้าจะยอมเป็นของข้าถูกหรือไม่” เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือชานยอลยังมีคนเจ้าเล่ห์ คำพูดของอี้ฟานทำให้ชานยอลรู้ว่าตนรั้นคงจะไม่รอด…
.
.
.
ดวงใจมังกร

“อืม…ชานยอล…กายของเจ้าหวานยิ่งนัก”

“ท่านอี้ฟาน..อย่าเลีย..อึก..ข้าเสียว…ไหนท่านบอกข้าว่าจะพามาชมจันทร์สองดวง….อ่า…หยุดเล่นกับอกข้าเสียที”

“นั่นอย่างไรเล่า ดวงจันทร์มันอยู่บนผิวน้ำ” อี้ฟานเอ่ย

ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องมอบแสงสว่างในป่ากว้าง มีชายหนุ่มสองคนกำลังเคล้าคลอมอบความรักให้แก่กันโดยใช้ต้นไม้ใหญ่ริมธารแทนเตียงตั่ง ไม่สิ…ฝ่ายหนึ่งตักตวง อีกฝ่ายทรมานด้วยสัมผัสชวนวาบหวาบ

ย้อนเวลากลับไป…อี้ฟานได้อุ้มชานยอลหนีออกทางหน้าต่างและกระโดดไปมาผ่านหลังคาจนถึงกลางป่า ชานยอล...ชายหนุ่มที่ตนหมายปองเมื่อครั้นยังเยาว์วัยจนกระทั่งเติบใหญ่เป็นชายหน้าหวานไม่ต่างจากหญิงสาว เขาเฝ้ารอที่ชานยอลจะอยู่ข้างกายตน

“ไม่ให้ข้าลิ้มรสเจ้าตรงนี้แล้วจะให้ข้าลิ้มรสเจ้าตรงไหน” อี้ฟานผละริมฝีปากออกจากยอดอกแล้วจึงเอ่ยถาม จากนั้นก็ใช้ลิ้นตวัดซ้ำจนยอดอกนั้นชูชันตามแรงอารมณ์

“ไม่รู้…ข้าไม่รู้..” ชานยอลกระสับกระส่ายอยากจะทรุดตัวนั่ง ทว่ากลับถูกอี้ฟานประคองสะโพกไว้ทั้งยกขาเรียวเกี่ยวเอวหนา หลังพิงชนต้นไม้

“เจ้าต้องการสิ่งใดชานยอล…นกน้อยของข้าบอกมาเสียสิ” อี้ฟานแทรกตัวเข้าแนบชิดให้กลางกายของตนสัมผัสกับกลางกายของชานยอลผ่านเสื้อที่หลุดรุ่ย อี้ฟานสนุกกับการแกล้งและสุขที่เห็นสีหน้ายามเม้มริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงคราง

‘ข้าอยากรู้ยิ่งนักเจ้าจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน’

“ท่านอี้ฟาน…ช่วยข้าได้หรือไม่ ข้าทรมาน” ชานยอลร้องขอเสียงสั่น ตานั้นฉ่ำมองปรือเสียจนทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะจุมพิตให้ร่างโปร่งอ่อนระทวย ในที่สุดชานยอลก็ต้องเรียกร้องเขา

“ได้สิ…ข้าจะให้เจ้าชมจันทร์ไปด้วยและมีความสุขไปด้วย”
อี้ฟานปล่อยขาเรียวของชานยอลให้แตะพื้นก่อนจะจับให้ร่างโปร่งหันหน้าไปทางลำธาร มือก็คว้าให้มือสวยยึดจับกิ่งไม้ มืออีกข้างเกี่ยวเอวบางให้สะโพกอยู่ในตำแหน่งกลางกายของตน อี้ฟานกระชากเสื้อผ้าของชานยอลทิ้งแล้วจึงใช้น้ำลายถมลงนิ้วลูบวนตรงช่องทาง

“อ๊ะ!!” ชานยอลสะดุ้งเฮือกยามถูกนิ้วแรกแทรกเข้ามา มันเจ็บเสียดๆหากชานยอลอดทนพยายามไม่ร้องออกมาว่าตนเจ็บ

“ชานยอล…ผ่อนลมหายใจ อย่าเกร็งนะคนดี..” อี้ฟานพอจะรู้จึงพูดปลอบก่อนจะก้มลงระดมจูบบนแผ่นหลังไล่ขึ้นจนถูกซอกคอเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ไม่ให้คนรักเจ็บ

พอปรับตัวได้ความรู้สึกดีๆก็เข้ามา อี้ฟานเพิ่มจำนวนนิ้วขยับเข้าออกจนช่องทางพอจะขยาย หากเขารู้ดีว่ามันคงขยายไม่พอสำหรับมังกรของเขา

“อดทนหน่อยนะ..นกน้อย ประเดี๋ยวเราจะมีความสุขไปด้วยกัน” อี้ฟานมิอาจอดทนต่อแรงกำหนัดได้อีก ดัชนีถูกนำออกจากช่องทางแล้วใช้มือหนากอบกุมแก่นกายจ่อตรงปากทางสีสด ก่อนจะแทรกเข้าไปทีละนิด

“เจ็บ…ข้าเจ็บ!!!” ชานยอลร้องออกมาทั้งน้ำตา มันเจ็บเหลือเกินถึงแม้อี้ฟานจะกดกายลงอย่างอ่อนโยนแต่มันมิอาจจะช่วยให้ชานยอลหายเจ็บได้

อี้ฟานแทรกลึกขึ้นจนสุดแล้วหยุดนิ่งทั้งโน้มกายเข้าจูบชานยอลไว้มิให้ผ่อนคลาย ชานยอลรับจูบและจูบตอบทั้งน้ำตาจนเริ่มหายเจ็บขึ้นมาบ้าง

“ข้าจะขยับแล้วนะ…พยายามอย่าเกร็ง อย่ากังวล ข้าอยากให้เจ้าเชื่อใจว่าข้าตะมอบความสุขสมครั้งแรกให้แก่เจ้า” อี้ฟานกล่าว ชานยอลพยักหน้า เขาจะต้องเชื่อใจอี้ฟาน

พอเห็นว่าชานยอลพร้อมแล้วอี้ฟานจึงเริ่มขยับกายทีละนิด ช้าๆ แล้วเร่งจังหวะขึ้นตามใจปรารถนา บัดนี้เสียงร้องครวญครางจากทั้งสองดังทั่วบริเวณ มิอายสรรพสัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืน

“อ่า..อ่ะ…ทะ…ท่านอี้ฟาน”

“อืม..ชานยอล…เจ้าดูพระจันทร์สิ ดูมันกำลังอวยพรให้เรา” อี้ฟานเอ่ย ชานยอลก็แหงนหน้ามองตาม ค่ำคืนนี้จันทราช่างงดงามกว่าคืนไหนๆการได้อยู่กับคนที่ตนรักมันเป็นความรู้สึกที่สุขจนบรรยายออกมาไม่ได้

“อ่า…ท่านอี้ฟาน…อ๊า..า…” ชานยอลมิอาจจะเก็บกักความสุขได้อีกจึงปลดปล่อยออกมา

“อืม…ชานยอล” อี้ฟานเองก็เช่นกันไม่รอช้าปลดปล่อยเข้าไปในกายของชานยอล

“เก่งมาก…ข้าคิดว่าเจ้าจะหลับเสียอีก” อี้ฟานจูบขมับให้รางวัล

“ท่านออกจากกายข้าได้หรือไม่…ข้าอยากอาบน้ำ” ชานยอลเขินอายยิ่งนักจึงหาเรื่องเฉไฉไม่สนใจสิ่งอี้ฟานเอ่ยเมื่อครู่

“ได้สิ…ข้าจะอาบน้ำให้เจ้าเองแต่ข้าจะไม่ออกจากกายเจ้า”

“ท่านอี้ฟาน!!!!”

….
สักนิด
Q : อี้ฟานเป็นใคร
A : รัชทายาทวังมังกร
Q : ไม่ใช่คน?
A : ใช่
Q : อี้ฟานเจอน้องชานยอลที่ไหน
A : ในตลาดของพวกมนุษย์ น้องเป็นเด็กถือของให้นายแม่ของเขา เด็กอะไรถือของไปพลางทำแขนกางปีกเล่นเป็นนกไปพลาง
Q : แล้วทำไมไม่พาน้องหนีตอนนั้น
A : กลัวน้องไม่ยอม อยากให้น้องพูดเอง
Q : แล้วจะพาน้องไปอยู่ด้วยกันไหม
A : แน่นอนจะไม่ปล่อยไปไหนจะขังไว้ในอ้อมกอด





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น