วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สาปรัก 10 Nc





รพีพงศ์ยิ้มเยาะ ก่อนยื่นมือหนากระชากขาเรียวร่างบางให้เข้ามาใกล้ แขนแกร่งนั้นยันกับพื้นโต๊ะแล้วโน้มกายก้มลงขืนจูบนาคินทร์ผ่านผืนผ้า ย้ำยีจิตใจให้ได้อาย เจ้าของริมฝีปากนิ่มเม้มปากตามสัญชาตญาณ ทั้งยังพยายามเบือนหน้าหนีหลบหลีกจนรพีพงศ์ต้องจับปลายคางของนาคินทร์แล้วออกแรงบีบ
“อ๊ะ!!!” 
นาคินทร์ส่งเสียงร้องออกมาในลำคอด้วยความเจ็บปวดที่โลดแล่นบริเวณปลายคาง รพีพงศ์อาศัยจังหวะนี้ประทับริมฝีปากผ่านผ้าผืนบางที่มัดปากเอาไว้อีกครั้ง อีกฝ่ายที่พยายามหลบหลีกไม่ยอมเล่นด้วย จนรพีพงศ์ผละปากออก แล้วเปิดผ้าขึ้นให้เห็นริมฝีปาก
“อื้อ..อ..!!!”
ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกลาการจู่โจม รพีพงศ์ก้มขบไล่ริมฝีปากล่างของนาคินทร์ ก่อนจะบดจูบเบียดริมฝีปากแสนกระหายไร้ความนุ่มนวล มีแต่ความเจ็บปวดให้กับนาคน้อยจนริมฝีปากนิ่มบวมเจ่อ รพีพงศ์จึงได้เปลี่ยนเป้าหมายใหม่
เทพหนุ่มเริ่มลากลิ้นมาที่ปลายคางขึ้นไปตามแนวสันกรามจนถึงหูนิ่ม ร่างสูงเกร็งลิ้นแล้วแหย่ไปในรูหูของนาคินทร์จนคนโดนกระทำนั้นเกร็งไปทั้งตัว ลมหายใจของกายบางหอบหนักกระชั้นถี่ บุตรแห่งสุริยะเทพมิหยุดเพียงเท่านี้ เขาโลมเลียไปที่หลังใบหูแล้วดูดเม้มจนเป็นจ้ำสีเนื้อช้ำเล็กๆ นาคินทร์สั่นสะท้านพยายามขืนกายเบี่ยงหลบ แต่ถูกรพีพงศ์จับศีรษะเอาไว้ ท้ายที่สุดนาคินทร์ที่ถูกรพีพงศ์หยอกเย้าเล้าโลมก็หยุดขืนกาย และทำได้เพียงนอนนิ่งๆ เท่านั้น พอเล่นกับใบหูนิ่มจนหนำใจ ร่างหนาเลื่อนลงเปลี่ยนตำแหน่งลงมาที่คอระหง รพีพงศ์ค่อยๆ สร้างรอยราคีดูดเม้มรอบๆ คอขาวจนไม่ต่างจากปลอกคอล่ามสัตว์เลี้ยง
“อั่ก…อื้อ..อ..” นาคินทร์ร้องออกมาเพราะเจ็บจากการดูดดุน รพีพงศ์ไม่ยอมออมมือออมแรงให้แม้แต่น้อย ด้วยสร้างรอยแต่ละครั้งก็มิวายจะใช้ฟันซี่คมขบกัดจนเกิดรอยฟันจางๆ นาคินทร์ก็ทำได้ใช้มือที่ถูกมัดนั้นพยายามดันกายร่างหนาออกเพราะทนก็การปลุกเร้าอารมณ์ร่วมไม่ไหวเนื่องด้วยใจมิได้รักใคร่รพีพงศ์หากปล่อยตัวไม่ขัดขืนคงไม่มีหน้าไปสู้กนธีได้  
ด้วยแรงที่มีน้อยนิดนั้นหรือจะต้านทานเทพผู้หื่นกระหายตัณหาได้ รพีพงศ์กลับไม่สะทกสะท้านอะไรสักนิด  ซ้ำยังเอาคืนนาคาใต้ร่างด้วยการใช้ปลายดัชนีบดขยี้เม็ดบัวสีชมพูอ่อนทั้งสองข้างบนแผงอกขาวซีดจนชูชัน ตามด้วยใช้ปากครอบดูดดุนจนชุ่มน้ำลายสลับไปมาทั้งสองข้าง
‘อา.า…อย่า.า…อย่าทำ..อื้อ’
ถึงใจจะร้องบอกให้หยุดแต่กายและสัญชาตญาณกลับทรยศ นาคินทร์แอ่นอกรับเข้าหาริมฝีปากร้อนตามจังหวะดูดดุนที่รพีพงศ์มอบให้ ปฏิกิริยาของนาคินทร์นั้นกระตุ้นอารมณ์ดิบของรพีพงศ์ได้ไม่น้อย…ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากทำรุนแรงให้กายเนียนนี้แหลกสลายคามือ
รพีพงศ์เลื่อนใบหน้าลงมาเล้าโลมที่หน้าท้องที่เรียบเนียน มือหนาทั้งสองก็ลูบเอวคอดลงมาที่บั้นท้ายแน่นแล้วขย้ำฝ่ามือลงอย่างรุนแรง จนแผ่นหลังของกายบางนั้นนอนแทบไม่ติดพื้นโต๊ะ ด้วยกระสับกระส่ายเขยื้อนกายไม่หยุด 
ใจนาคาน้อยนั้นอยากจะเอาพระขรรค์เงินข้างกายรพีพงศ์มาเสียบแทงให้ทะลุดวงใจตนเองนัก ที่ร่างกายกำลังหลงระเริงเพลิงไฟตัณหา…ร่างกายที่มอบให้เพียงกนธีกำลังจะแปดเปื้อนด้วยน้ำมือเทพชั้นสูงผู้ใจร้าย  นาคินทร์ที่ได้แต่คิดถึงใบหน้าของกนธี หยาดน้ำใสนั้นก็เอ่อล้นไหลลงออกมาอาบแก้มอีกครั้ง
เทพหนุ่มไม่สนใจหยาดน้ำตานั้นเลยสักนิด เขาใช้ฝ่ามือร้อนดั่งไฟลูบเนื้อนิ่มกลมกลึงแล้วลากผ่านขึ้นมาที่เรียวขา รพีพงศ์จับขาของนาคินทร์ให้อ้าออกกว้างก่อนจะดันให้แนบชิดติดอกคนใต้ร่าง เทพหนุ่มละจากหน้าท้องแบนราบ ตาคมมองไปใบหน้าของนาคินทร์ที่มีน้ำตานองหน้า นาคินทร์หลบสายตาหันไปทางอื่น ร่างบางนั้นรู้สึกอับอายและไม่รู้ว่าถ้าผ่านพ้นราตรีนี้ไปจะกลับมีหน้าที่ไหนไปพบเจอกับกนธี
“มองหน้าข้า…นาคินทร์” รพีพงศ์เอ่ยเสียงพร่า มือก็กำรอบแท่งร้อนของตนเองพลางปลุกเร้าให้กลางกายนั้นแข็งตัว
นาคินทร์แม้จะตกเป็นรองก็อวดดี ไม่ยอมทำตามที่รพีพงศ์สั่ง จนรพีพงศ์อยากจะสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่มีการเล้าโลม หรือหล่อลื่นใดๆ ต่อจากนี้อีก  แกนกายใหญ่ขนาดเท่าข้อมือค่อยๆแทรกเข้าไปทีละนิดจนผสานแนบชิดไร้ช่องว่าง เพียงแค่นี้ก็สร้างความเจ็บปวดและอึดอัดให้กับนาคินทร์ไม่น้อย แล้วเริ่มรู้สึกเจ็บแสบมากยิ่งขึ้น  ร่างบางเดาได้ไม่ยากว่าช่องทางของเขาคงฉีกขาดเป็นแน่แท้ นาคินทร์ได้แต่อดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ผิดกับรพีพงศ์นั้นกำลังสะใจกับการกระทำที่เขาได้ทำลงไป เทพหนุ่มสังเกตความเจ็บร้าวที่เขาก่อขึ้นด้วยปลายนิ้วเท้าของกายบางจิกเกร็งอยู่ตลอดเวลา
“เจ็บนักใช่หรือไม่...นาคินทร์  วันนี้แหละที่เจ้าจะต้องจดจำรพีพงศ์ผู้นี้ไปชั่วกาล...”
“อ่า.า…อืม.ม….” เสียงครางที่พยายามอดกลั้นทำใจรพีพงศ์พอใจ เมื่อขยับแก่นกายเข้าสัมผัสกับผนังนุ่มอุ่นภายในกายของอีกคน รพีพงศ์หยุดนิ่งค้างไว้ก่อนจะเริ่มขยับกายเป็นจังหวะช้าๆ เนิบนาบ แต่บางครั้งก็หนักหน่วง ส่วนนาคินทร์ที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆ ทั้งปวดกาย ปวดใจที่ตนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สภาพจิตใจตอนนี้น่ะหรือไม่ตายก็เหมือนตาย
‘กึง!!...กึง..กึง!!!’ จากจังหวะช้าๆ รพีพงศ์ก็กระแทกแรงๆ ให้หนักขึ้น ส่งผลให้โต๊ะตัวเก่าขยับโยกจนเกิดเสียง แต่มิใช่เพียงแค่โต๊ะเท่านั้นที่ขยับโยก กายบางก็เช่นกันที่ขยับโยกไหวไปตามแรงกระแทก 
...เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บเหลือเกิน... เจ็บจนแทบจะหมดสติเสียให้ได้ นาคินทร์พยายามกัดฟันแน่นและข่มกายด้วยจิกเกร็งปลายเท้า ตั้งแต่เกิดมาผ่านการร่วมรักกับกนธีมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ทำไมกับรพีพงศ์ถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนัก  ทุกความเจ็บปวดที่เคยได้รับมาในชีวิตราวกับเศษธุลี ไม่มีครั้งใดที่จะเจ็บปวดทั้งกายใจได้ถึงเพียงนี้
 ร่างกายของนาคินทร์นั้นขยับไปตามแรงส่งด้วยความรุนแรงที่ถูกมอบให้ ความเจ็บที่ถูกคนบนร่างใช้มือกดเรียวขาจนแผลตรงขาอ่อนแนบติดตัวนาคินทร์ส่งผลให้โลหิตไหลออกมาเปรอะเปื้อนผิวขาว
“ฮึก…อึก.ก…ฮือ..ฮือ..” นาคินทร์อยากวอนขอเหลือเกินว่าให้รพีพงศ์หยุดทำร้ายตนได้แล้ว รพีพงศ์พอได้ยินเสียงร้องไห้ความรู้สึกชั่วดีก็แวบเข้ามา…รู้สึกดีราวกับได้ขึ้นสวรรค์ที่ได้ร่วมเสพสังวาทกับกายงามของนาคินทร์…แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับตกนรกที่ตนได้ทำตัวหยาบช้าราวกับไม่ใช้เทพชั้นสูงและคล้ายกับว่าตนนั้นไม่ซื่อสัตย์กับชลันธร
หากจะให้ถอยยามนี้คงไม่ทัน เมื่อได้ขึ้นขี่หลังเสือไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้อารมณ์ชักจูงไปในครรลองของมัน แม้ความสุขที่ได้ปลดปล่อยจะแลกกับความทุกข์ทรมานของนาคินทร์รวมถึงเกิดความสับสนว้าวุ่นใจในตนเองของรพีพงศ์
“...เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนาคินทร์ อดทนหน่อยสิ...” หลังมือหนาเลื่อนเข้ามาเช็ดเหงื่อเม็ดโตที่พุดพรายบนใบหน้าสวยที่อิดโรย เหมือนจะเป็นคำปลอบ แต่ก็มิได้หยุดย่ำยีกายและใจที่แตกสลาย  
ดวงตาที่บอบช้ำนั้นปิดแน่นสนิทเมื่อรพีพงศ์เคลื่อนกายอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง  มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาบอก มันยังคงเจ็บหน่วงทุกครั้งที่ถูกแกนกายนั้นกระแทกเข้ามา 
เจ็บจนยากจะเกินทน... ในศีรษะนั้นกำลังหมุนวนเหมือนกับนาคน้อยหลงเข้าไปอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนที่หาทางออกไม่ได้...หน้าตาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความสุขสมเลยสักนิด ยิ่งทำให้รพีพงศ์ยิ่งได้ใจ นาคินทร์นั้นอยากจะกลั้นใจให้ตายในบัดเดี๋ยวนี้  ให้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ก็หาตั้งสติกลั้นใจนั้นได้ไม่... รพีพงศ์กระแทกกระทั้นกายเข้าออกอยู่พักหนึ่งก็ปลดปล่อยสายน้ำขุ่นเข้าร่างบางอีกครั้ง  
ร่างกำยำนั้นหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอะไรอีก นาคินทร์ยังคงอึดอัดเพราะแกนกายใหญ่ยังแทรกอยู่ ในใจได้แต่เป็นกังวลว่าหากกนธีล่วงรู้เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร คิดไกลจนอยากจะตายหนีอายเสียดีกว่าให้ใครต่อใครมาตราหน้าว่าเป็น...นาคาสองผัว...แบบนี้ยิ่งนัก  
จนเวลาผ่านไปสักพักรพีพงศ์จึงยอมถอนแกนกายออกให้ นาคินทร์ที่ยังคงมีสติอยู่แต่ก็นอนตะแคงข้างนิ่งร่างกายไม่ไหวติงแม้จะสะอึกสะอื้นแต่ก็ไม่ได้รับการปลอบโยนใดๆ  เขาลุกเดินออกไปมองพระจันทร์สกาวแสงที่ริมหน้าต่างพักหนึ่ง ยามนี้รพีพงศ์กลับรู้สึกสับสนในใจยิ่งนัก ไม่นานก็เดินกลับมาหานาคินทร์นี่ยังนอนสะอื้นไห้เพียงลำพัง มือหนาลูบเส้นผมที่เหนียวไปด้วยเหงื่อชุ่ม แล้วก็พูดบางสิ่งกับนาคินทร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น